SPPT เผยเจรจาเป็นพันธมิตรบจ.ที่เตรียมเข้าตลาด mai/บ.ลูกหนุนรายได้โต20%

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 16, 2009 13:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายประพจน์ พลพิพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท (ประเทศไทย) หรือ SPPT กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อเข้าเป็นพันธมิตรกับบริษัทแห่งหนึ่งที่กำลังเตรียมตัวเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปในการเจรจาภายในไตรมาส 1/52

นายประพจน์ กล่าวว่า การลงทุนครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมธุรกิจของบริษัท และคาดว่าจะสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนไม่ต่ำกว่า 10% โดยบริษัทมีกระแสเงินสดที่พร้อมสำหรับการลงทุนไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท

“ตอนนี้เรายังอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทที่เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์maiจึงไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้มากนัก เพราะเขาได้ยื่นไฟลิ่งไปแล้ว เกรงว่าจะมีปัญหา แต่ยืนยันว่าธุรกิจที่เตรียมเข้าลงทุนจะเป็นประโยชน์ต่อริษัทของเราและได้ IRR ถึง10%"นายประพจน์ กล่าว

นอกจากนี้ นายประพจน์ ยังเปิดเผยว่า จะยื่นข้อมูลไฟลิ่งเพื่อนำบริษัท สเปเชียลตี้ เทค เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ด้วย แต่รอประเมินสถานการณ์ตลาดหลักทรัพย์และภาวะเศรษฐกิจก่อนว่าจะกระจายหุ้นเมื่อใด เนื่องจากช่วงนี้ตลาดหุ้นซบเซาทำให้ได้ราคาหุ้นไม่ดี ประกอบกับ นักลงทุนไม่ได้ผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุน โดยอาจจะนำเข้าจดทะเบียนในไตรมาส 3/52

อย่างไรก็ตาม บริษัท สเปเชียลตี้ เทค ถือหุ้นในนามส่วนตัวกว่า 60%

ส่วนผลประกอบการ SPPT นายประพจน์ ยังหวังว่าคำสั่งซื้อจะเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นในไตรมาส 2/52 หลังจากเริ่มเห็นตัวเลขคำสั่งซื้อเบื้องต้นในช่วงเดือน มี.ค.เริ่มกลับมาดีอีกครั้งประกอบกับบริษัทลูก คือ ซิงเกิ้ล เอนเนอยี่ ซึ่งขายเครื่องแปรรูปขยะเป็นน้ำมันจะมีรายได้เข้ามาในปีนี้ประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งไตรมาส 1/52 รายได้จะดีขึ้น จากเดิมคาดว่ารายได้ของบริษัทจะลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนประมาณ 30%

ฉะนั้น รายได้ทั้งปี 52 บริษัทคาดว่าจะใกล้เคียงกับปีก่อน หลังมีรายได้จากการขายเครื่องแปรรูปขยะที่ขายให้กับเทศบาลหัวหิน นอกจากนี้ยังมีที่ระยองที่เตรียมรับรู้รายได้ รวมทั้งยังมีส่วนราชการอีกหลายแห่งที่สนใจซื้อเครื่องดังกล่าว ทั้งนี้หวังว่าจากการที่มีรายได้จากบริษัทลูกเข้ามาจะทำให้บริษัทมี่รายได้ในปี 52 เติบโตได้ประมาณ 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ประมาณ 800-900 ล้านบาทและมั่นใจว่าปีนี้ยังมีผลกำไรต่อเนื่องจากปีก่อนด้วย

"ทิศทางอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนอิเลคโทรนิคส์ยังอยู่ในช่วงชะลอตัวเริ่มเห็นทิศทางที่ดีขึ้น และคาดว่าครึ่งปีหลังจะกลับมาฟื้นตัวชัดเจน คำสั่งซื้อกลับมาหลังจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากประเทศต่างๆทั่วโลกเริ่มเห็นผลโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา"นายประพจน์ กล่าว

สำหรับผลประกอบการปี 51 บริษัทเตรียมพิจารณาอัตราการจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้น หลังจากจ่ายระหว่างกาลไปแล้ว 0.24 บาท/หุ้น โดยปกติบริษัทมีการจ่ายปันผลราว 60-70% ของกำไรสุทธิอยู่แล้ว จากนโยบายปันผลไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ