นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)เปิดเผยว่า คณะกรรมการกำกับตลาดทุน มีมติให้ขยายเวลาการผ่อนปรนหลักเกณฑ์การทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์บางส่วน โดยไม่กำหนดสัดส่วนหุ้นขั้นต่ำที่ต้องทำคำเสนอซื้อและการผ่อนปรนให้ผู้ถือหุ้นใหญ่ ไม่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์หากข้ามจุดที่ต้องทำคำเสนอซื้อ(Trigger Point) เนื่องจากกิจการซื้อหุ้นคืนเพื่อบรรเทาผลกระทบจากวิกฤตสถาบันการเงิน โดยให้ขยายระยะเวลาการใช้มาตรการนี้ออกไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2552 (เดิมสิ้นสุด 16 กุมภาพันธ์ 2552)
พร้อมทั้งปรับปรุงข้อกำหนดให้ชัดเจนขึ้น โดยกรณีที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ข้าม trigger point เนื่องจากกิจการซื้อหุ้นคืนในช่วงก่อนหรือระหว่างมาตรการนี้มีผลใช้บังคับ ผู้ถือหุ้นดังกล่าวมีสิทธิที่จะซื้อหุ้นเพิ่มเติมตามสิทธิเดิมที่มีอยู่ รวมถึงสิทธิที่จะทำคำเสนอซื้อบางส่วนด้วย
ทั้งนี้ สิทธิดังกล่าวจะหมดไปเมื่อกิจการลดทุนที่ชำระแล้วโดยวิธีตัดหุ้นที่กิจการซื้อคืน
พร้อมกันนี้ ให้ยกเว้นการเปิดเผยข้อมูลการซื้อและขายหลักทรัพย์ในงบการเงินของธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์ และบริษัทประกันภัย เนื่องจากการลงทุนในหลักทรัพย์เป็นธุรกิจปกติ ซึ่งผู้ลงทุนทั่วไปสามารถคาดหมายได้ว่าบริษัทเหล่านี้มีการซื้อขายหลักทรัพย์เป็นประจำและมีความเสี่ยงจากการลงทุนในหลักทรัพย์ระดับใดระดับหนึ่ง
ดังนั้น กำหนดให้ บล. ธพ. และบริษัทประกันภัย เปิดเผยข้อมูลการซื้อขายหลักทรัพย์ที่เกิดขึ้นระหว่างงวดบัญชีในหมายเหตุประกอบงบการเงินนั้น จึงเป็นการเพิ่มภาระให้แก่บริษัทเหล่านี้ โดยไม่จำเป็นและไม่เป็นประโยชน์เพิ่มแก่ผู้ลงทุน คณะกรรมการกำกับตลาดทุนจึงยกเว้น การเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวสำหรับบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ที่เป็น บล. ธพ. บริษัทประกันภัย และบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ที่มี บล. ธพ. หรือ บริษัทประกันภัยเป็นบริษัทย่อย
นอกจากนี้ ได้ปรับปรุงคำนิยามของเงินลงทุนในหลักทรัพย์ที่กำหนดในประกาศให้ชัดเจนขึ้น โดยให้หมายถึงเฉพาะหลักทรัพย์เพื่อค้าและหลักทรัพย์เผื่อขายที่ตั้งใจถือไว้ไม่เกินหนึ่งปีเท่านั้น โดยไม่รวมเงินลงทุนในบริษัทย่อย บริษัทร่วมและกิจการร่วมค้า
ทั้งนี้ ประกาศที่แก้ไขดังกล่าวจะมีผลใช้บังคับสำหรับงบการเงินที่จัดส่งตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2552 เป็นต้นไป