บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลลอปเมนท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของ บมจ. ยูนิเวนเจอร์ (UV) ตั้งงบประมาณการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยกำลังเจรจาซื้อที่ดินเปล่าและโครงการที่สร้างค้างอย่างน้อย 3 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 2.5 พันล้านบาท
"คาดว่าปลายไตรมาส 2 ปีนี้ น่าจะได้เห็นความชัดเจนอย่างน้อย 1 โครงการ แต่คงยังบอกไม่ได้ว่าจะเป็นการซื้อที่ดินหรือซื้อโครงการที่สร้างค้าง"นายธนพล ศิริธนชัย ประธานอำนวยการ บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ฯ กล่าว
นายธนพล กล่าวว่า โครงการที่จะเข้าไปเทคโอเวอร์ ไม่จำเป็นว่าต้องสร้างแล้วกี่เปอร์เซ็นต์ แต่จะเน้นการเข้าซื้อกิจการเลย แทนที่จะเป็นการเข้าบริหารโครงการที่สร้างเสร็จแล้วแต่บริหารไม่ไหว
"ถ้าให้เลือกระหว่างระหว่างซื้อกิจการโครงการที่ยังสร้างไม่เสร็จ กับเข้าบริหารโครงการที่สร้างเสร็จแล้วเจ้าของบริหารไม่ไหว เราเลือกซื้อกิจการดีกว่า เพราะเรายังสามารถปรับเปลี่ยนอะไรต่ออะไรได้เพื่อให้ตรงกับความต้องการของเราและความต้องการของตลาด จะสร้างเสร็จแล้วกี่เปอร์เซ็นต์ก็ได้ หรือเพิ่งขึ้นเสาเข็มก็ได้ ซึ่งตอนนี้ก็มีเข้ามาคุยกันบ้าง มูลค่าโครงการประมาณ 300-400 ล้านบาท"นายธนพล กล่าว
ส่วนเรื่องการซื้อที่ดินเปล่า ขณะนี้ก็มีเข้ามาเจรจา ขนาดตั้งแต่ 1-10 ไร่
ด้านเงินทุนที่จะใช้ทำโครงการใหม่นั้น จะมาจากเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนของแกรนด์ ยูนิตี้ฯ และเงินที่ได้จากการขายโครงการในปัจจุบัน
ปัจจุบัน แกรนด์ ยูนิตี้ฯ มีโครงการที่กำลังเปิดขาย 3 โครงการ คือ พาร์ควิว วิภาวดี 4 มียอดขายแล้ว 95%, โครงการยู สบาย มียอดขายแล้ว 50% และโครงการยู ดีไลท์ มียอดขายแล้ว 70%
ทั้งนี้ แกรนด์ ยูนิตี้ฯ มีทุนจดทะเบียน 600 ล้านบาท ทุนเรียกชำระแล้ว 400 ล้านบาท
ส่วนเรื่องทำเลจะต้องมีการเดินทางสะดวกสบาย แต่ไม่จำเป็นต้องอยู่ติดรถไฟฟ้า ซึ่งทำเลที่มองอยู่คือ บางซื่อ ลาดพร้าว
ส่วนชื่อแบรนด์ที่จะใช้ทำตลาดในโครงการใหม่ อาจจะใช้แบรนด์ ยู ดีไลท์ แล้วพ่วงด้วยชื่อทำเลในย่านนั้นๆ ในการต่อยอดรายได้
ดังนั้น แกรนด์ ยูนิตี้ฯ คาดการณ์ว่า ในปี 52 จะมียอดรับรู้รายได้ประมาณ 600 ล้านบาท จากโครงการพาร์ควิว วิภาวดี 4 และโครงการยู สบาย ที่คาดว่าจะก่อสร้างเสร็จประมาณกลางปี 52 เร็วกว่าแผนงาน 2 เดือน และจะสามารถสร้างยอดขายในปีนี้ประมาณ 1.5 พันล้านบาท จากโครงการยู ดีไลท์ และโครงการใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวในปีนี้
ส่วนปี 53 ตั้งเป้ายอดขายไว้ 4.8 พันล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ประมาณ 2.8 พันล้านบาท
สำหรับในปี 51 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มียอดขายประมาณ 650 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมาย
*มองยุค ศก.ขาลง ผู้ประกอบการต้องมีสายป่านยาว-ปรับตัวเก่ง
นายธนพล ยังกล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ว่า ผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ลูกค้าขาดความเชื่อมั่น รอบคอบในการใช้เงินมากขึ้น ธนาคารก็เข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ทำให้มีผลต่อสินค้าในตลาด จึงไม่แปลกที่จะมีสินค้าที่สร้างไม่เสร็จในตลาดค่อนข้างมาก
ด้านผู้ประกอบการที่จะอยู่ในตลาดได้ต้องมีสายป่านยาว รู้จักปรับตัว ถ้าทำได้ก็สามารถอยู่รอดได้
"แกรนด์ ยูนิตี้ฯ มีสิ่งเหล่านี้ นั่นคือเหตุผลที่ทำไมปีนี้เราจะสวนกระแสตลาด เดินหน้าทำโครงการที่มีอยู่และโครงการใหม่ต่อไป"นายธนพล กล่าว