ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดร่วง 297.81 จุด เหตุวิตกเศรษฐกิจถดถอย

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 18, 2009 06:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเกือบ 300 จุดเมื่อคืนนี้ (17 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนไม่มั่นใจว่าแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ลงนามไปเมื่อวานนี้นั้น จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้ นอกจากนี้ ตลาดยังถูกดดันจากกระแสความวิตกกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลกถดถอย หลังจากญี่ปุ่นเปิดเผยตัวเลขจีดีพีที่หดตัวรุนแรงและการคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจอังกฤษจะทรุดตัวลง

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วง 297.81 จุด หรือ 3.79% แตะที่ 7,552.60 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 37.67 จุด หรือ 4.56% แตะที่ 789.17 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดร่วง 63.70 จุด หรือ 4.15% แตะที่ 1,470.66 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.61 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 2,895 ต่อ 218 ตัว ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.38 พันล้านหุ้น

โธมัส เจ ลี นักวิเคราะห์จากเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค กล่าวว่า นักลงทุนไม่มั่นใจในแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 7.87 แสนล้านดอลลาร์ที่ประธานาธิบดีโอบามาลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายเมื่อวานนี้ว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาขยายตัวได้อีกครั้ง นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากข่าวที่ว่าบริษัทรถยนต์กลุ่มบิ๊กทรี ซึ่งรวมถึงเจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) และไครส์เลอร์ เตรียมยื่นรายงานการปรับโครงสร้างองค์กรต่อกระทรวงการคลังสหรัฐ เพื่อให้ตรงตามข้อกำหนดการรับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล

รายงานระบุว่าจีเอ็มกำลังพิจารณาขายและปิดโรงงาน 4 แห่งในยุโรปเพื่อลดต้นทุนการผลิตก่อนถึงเส้นตายที่รัฐบาลกำหนด รวมถึงโรงงานรถยนต์โอเปิลในเมืองแอนท์เวิร์ป, เบลเยียม และ โบคุ่ม, เยอรมนี และอาจขายโรงงานในไอเซนาค, เยอรมนี รวมถึงอาจขายหรือปิดโรงงานรถยนต์ซาบ (Saab) ในเมืองโทรลแฮททัน, สวีเดน เพื่อลดต้นทุนการดำเนินงานลงราว 1.5 พันล้านดอลลาร์

"นักลงทุนส่วนใหญ่กังวลว่าทั้งจีเอ็มและไครสเลอร์จะไม่สามารถชำระคืนเงินกู้ให้กับรัฐบาลและไม่สามารถกลับมาทำกำไรได้อีก โดยก่อนหน้านี้จีเอ็มได้รับเงินช่วยเหลือไปแล้ว 9.4 พันล้านดอลลาร์ และอาจจะได้รับเงินช่วยเหลืออีก 4 พันล้านดอลลาร์หากกระทรวงการคลังสหรัฐพอใจกับแผนปรับโครงสร้างของจีเอ็ม" ลีกล่าว

ขณะเดียวกัน นักลงทุนวิตกกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลกถดถอยหลังจากรัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4 ปี 2551 ของญี่ปุ่นหดตัวลง 12.7% ซึ่งเป็นสถิติที่หดตัวลงรุนแรงที่สุดในรอบ 35 ปี และสมาพันธ์อุตสาหกรรมอังกฤษ (CBI) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจอังกฤษอาจหดตัวลง 3.3% จากเดิมที่เคยคาดไว้ว่าจะหดตัวลงเพียง 1.7%

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยลบจากข่าวที่ว่าคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ของสหรัฐได้ยื่นดำเนินคดีกับบริษัทสแตนฟอร์ด ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองฮุสตัน ในข้อหาฉ้อโกงเงินหลายพันล้านดอลลาร์ผ่านโครงการลงทุนรอบโลก

ทั้งนี้ หุ้นจีเอ็มร่วงลง 12.8% ส่วนหุ้นกลุ่มการเงินดิ่งลงเช่นกัน โดยหุ้นเจพีมอร์แกนร่วง 12.3% และหุ้นเวลส์ ฟาร์โก ดิ่งลง 13.1%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ