โบรกเกอร์ แนะนำซื้อหุ้น บมจ.ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์(TUF) แม้กำไรไตรมาส 4/51 ที่อ่อนตัวจากการมี Inventory loss เป็นตัวกดดันราคาหุ้น แต่มองแนวโน้มปี 52 กำไรก็ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง และคาดว่าจะไม่มี Inventory loss อีกแล้ว โดยยอดขายในไตรมาส 1/52 เริ่มเห็นฟื้นตัว ประกอบกับ ผลตอบแทนการจ่ายเงินปันผลอยู่ในระดับดี ที่ 6-7%
ราคาหุ้น TUF เมื่อ 10.31 น.อยู่ที่ 19.30 เพิ่มขึ้น 0.52%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) บล.ฟิลลิป ซื้อ 27.50 บล.กิมเอ็ง ซื้อเมื่ออ่อนตัว 27.00 บล.ซิกโก้ ซื้อ 25.66 บล.เอเชียพลัส ซื้อ 22.27 บล.ยูไนเต็ด ซื้อเมื่ออ่อนตัว 22.60 บล.ทรินิตี้ ซื้อ 21.50
น.ส.สุทธาทิพย์ พีรทรัพย์ นักวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)มองว่า แนวโน้มผลประกอบการในปี 52 ยังไปได้ดี โดยปริมาณการขายยังขยายตัวต่อเนื่อง แต่ราคาขายอาจจะปรับลดลงตามต้นทุนวัตถุดิบ คือ ปลาทูน่า แม้ว่าในไตรมาส 4/51 จะมี Inventory loss ประมาณ 200 ล้านบาทจากการที่ต้นทุนราคาปลาทูน่าปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วตามราคาน้ำมัน ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะลดลงจาก 13.5% ในไตรมาส 4/50 เป็น 11.7%
อย่างไรก็ดี ทั้งปี 51 กำไรปกติของบริษัทคาดว่าจะเติบโต 37% จากปีก่อน เป็น 2,249 ล้านบาท(2.55 บาท/หุ้น) ซึ่งนับว่าเป็นกำไรปกติที่สูงเป็นประวัติการณ์แม้ว่าราคาปลาทูน่าจะอยู่ในระดับสูงและผันผวนมาก ประกอบกับ ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากบริษัทสามารถเพิ่มยอดขายได้ถึง 24% แม้เงินบาทเฉลี่ยจะแข็งค่าขึ้นจาก 34.4 บาท/ดอลลาร์ในปี 2550 เป็น 33.3 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่ค่าใช้จ่ายมีการควบคุมได้ดีขึ้น
"มองว่าผลประกอบการยังดี แต่มีปัญหาระยะสั้นที่มี Inventory loss ในไตรมาส 4/51 ซึ่งปรับราคาลงไปเร็ว แต่แนวโน้มปี 52 ยังใช้ได้ ยังมี growth แต่ไม่ได้สูงมากนัก"น.ส.สุทธาทิพย์ กล่าว
ทั้งนี้ เห็นว่าในปี 52 กำไรมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยราคาวัตถุดิบปลาทูน่าในเดือนมกราคมยังอยู่ที่ 850 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน แต่ปัจจุบันปรับตัวขึ้นมาที่ 1,000-1,100 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน ลูกค้ายังชะลอการสั่งซื้อเพื่อรอดูทิศทางของราคาปลาทูน่า รวมทั้งในไตรมาส 1 เป็นช่วงโลว์ซีซั่น ดังนั้นผลประกอบการไตรมาส 1/52 มีแนวโน้มจะยังชะลอตัว แต่คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นในไตรมาส 2/52
โดยคาดการณ์ว่ากำไรปกติของ TUF ในปี 2552 จะขยายตัว 6% จากปีก่อน เป็น 2,392 ล้านบาท (2.71 บาท/หุ้น) แต่ปรับคำแนะนำมาซื้อเมื่ออ่อนตัวเพราะผลประกอบการในไตรมาส 1ที่ออ่นตัวกดดันราคาหุ้นในระยะสั้น โดยเห็นว่าควรเข้าซื้อ ที่ 19 บาท หรืออ่อนตัวกว่านั้น
ด้านนักวิเคราะห์ บล.ยูไนเต็ด กล่าวว่า ผลประกอบการในไตรมาส 4/51 ชะลอตัวอย่างรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ เพราะราคาปลาทูน่าที่ปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วลงมาเฉลี่ยที่ 1,177 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน จากไตรมาส 3/51 ที่ราคาชึ้นไปถึง 1,905 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน โดยราคาขึ้นไปทำสถิติสูงสุดที่ 1,950 ดอลลาร์สหรัฐ/ตันเมื่อดือนมิถุนายน 51 และลงมาต่ำสุดในเดือนธันวาคม 51 ที่ระดับ 850 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน และยังคงต่ำในเดือนมกราคม 52
อย่างไรก็ตาม อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลทั้งปี 51 คาดที่ระดับ 6% จากประเมินว่าจะจ่ายเงินปันผล 1.22 บาท/หุ้น โดยครึ่งหลังปี 51 น่าจะจ่ายได้อีก 0.66 บาท/หุ้น ส่วนในปี 52 มองว่าผลประกอบการมีอัตราเติบโตต่อเนื่อง คาดการณ์กำไรสุทธิปี 52 จะเติบโต 13% มาอยู่ที่ 2,508 ล้านบาท(เทียบเท่า EPS ที่ 2.82 บาท)
"มองว่าเข้าลงทุน แถวๆ 19 บาท เป็นแนวรับทางเทคนิค"นักวิเคราะห์ บล.ยูไนเต็ด กล่าว
สำหรับบทวิเคราะห์ของ บล.ฟิลลิป ระบุว่า จากผลการดำเนินงานไตรมาส 4/51 ที่ออกมาต่ำกว่าคาดทำให้ทางฝ่ายปรับลดประมาณการปี 51 ลง 13% จากประมาณการเดิมภายใต้ยอดขาย 69,051 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% เทียบจากปีก่อน และปรับลดประมาณการกำไรสุทธิเหลือเพียง 2,190 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เทียบจากปี 50
แม้แนวโน้มผลงานไตรมาส 4/51 ที่คาดว่าจะออกมาค่อนข้างน่าผิดหวังจากผลกระทบของราคาวัตถุดิบที่ลดลงค่อนข้างเร็ว แต่ทางฝ่ายมองว่าราคาวัตถุดิบมีแนวโน้มจะฟื้นตัวได้ตามราคาน้ำมันที่คาดว่าจะปรับขึ้น คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานได้ในไตรมาส 1/52 จากราคาขายที่เริ่มฟื้นตัว
ทางฝ่ายคาดว่าจะมีการปรับลดประมาณการผลการดำเนินงานปี 52 ลงจากประมาณการเดิม แต่ยังคงแนะนำ"ซื้อ"คาดหมายเงินปันผลสำหรับครึ่งหลังปี 51 เท่ากับ 0.68 บาท/หุ้น