นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุริจขนาดใหญ่ ธนาคารทหารไทย(TMB)กล่าวยอมรับว่า ในปี 52 ธนาคารคงไม่เน้นขยายสินเชื่อ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว จึงเชื่อว่าลูกค้าคงไม่ขยายการลงทุน ดังนั้น การขอสินเชื่อทั้งในรูปแบบสินเชื่อหมุนเวียน และสินเชื่อระยะยาวคงไม่ใช่เป้าหมายที่ลูกค้าต้องการ
ดังนั้น ธนาคารคงเน้นเข้าไปช่วยลูกค้าบริหารจัดการเงินสดและความเสี่ยงภายใต้ภาวะอัตราดอกเบี้ยขาลง และเงินบาทอ่อนค่า
"ปัญหาจากเศรษฐกิจ ทำให้สภาพคล่องของลูกค่ามีน้อยลง และอาจจะทำให้ธุรกิจของลูกค้าอาจจะมีกำไรและขาดทุนตามภาวะเศรษฐกิจขาลง ปัญหาใหญ่ของลูกค้าที่แบงก์เข้าไปดูแล คือ การที่ให้ลูกค้ามีเงินสดในมือ และการบริหารความเสี่ยง ทั้งเรื่องดอกเบี้ยและอัตราแลกเปลี่ยน ดังนั้น รายได้หลักปีนี้จะมาจากค่าธรรมเนียม"นายปิติ กล่าว
ทั้งนี้ มองว่าธุรกิจที่จะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ได้แก่ กลุ่มธุรกิจส่งออก กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มยานยนต์ เชื่อว่าจะหดตัวเร็วอย่างมาก แต่ในอีกแง่หนึ่งอาจเป็นเรื่องที่ดีที่ TMB มีพอร์ตสินเชื่อของลูกค้าในกลุ่มนี้น้อยมาก จึงได้รับผลกระทบไม่มาก ขณะที่ธุรกิจส่งออกอาหารและเกษตรยังส่งออกได้ดี
นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสให้ธนาคารปรับตัว และการที่กลุ่มไอเอ็นจี เข้ามาเป็นพันธมิตรจะเป็นโอกาสให้ธนาคารขยายฐานลูกค้า และเอื้อประโยชน์ต่อกันได้มากขึ้น
ทั้งนี้ ธนาคารมีพอร์ตลูกค้าขนาดใหญ่ที่มียอดขาย 500 ล้านบาทขึ้นไปอยู่ประมาณ 2 พันราย มีการจัดตั้ง Customer Centricity เพื่อตอบสนองความต้องการให้ครบวงจร และแบ่งการดูแลลูกค้าขนาดใหญ่เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มทหาร ซึ่งแต่ละปีจะมีวงเงิบสินเชื่อจำนวนมาก และ อีกกลุ่มหนึ่ง คือ บริษัทเอกชนและลูกค้าทั่วไป
ด้านนายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TMB กล่าวว่า หลังคณะกรรมการธนาคารปรับโครงสร้างองค์กร แบ่งเป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ กลุ่มรายย่อยและเอสเอ็มอี โดยได้มีการปรับเปลี่ยนบุคคลากกรและปรับปรุงไอที และได้นำไปสู่การปฏิบัติตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งนี้จะแล้วเสร็จในเดือน มี.ค.นี้