ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 3.03 จุดจากข่าวรบ.สหรัฐเล็งกู้วิกฤติตลาดอสังหาฯ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 19, 2009 06:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (18 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับข่าวที่ว่ารัฐบาลสหรัฐเตรียมใช้มาตรการฟื้นฟูตลาดอสังหาริมทรัพย์และเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ปิดบวกเพียงเล็กน้อยเนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงวิตกกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลกที่ถดถอยถ้วนหน้าและปัญหาที่เกิดขึ้นกับธนาคารในยุโรปตะวันออก

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 3.03 จุด หรือ 0.04% แตะที่ 7,555.63 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 0.75 จุด หรือ 0.10% แตะที่ 788.42 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลดลง 2.69 จุด หรือ 0.18% แตะ 1,467.97 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.43 พันล้านหุ้น ลดลงเมื่อเทียบกับวันอังคารที่ 1.61 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 5 ต่อ 2

สตีเฟ่น โกลด์แมน นักวิเคราะห์จากบริษัท วีเดนแอนด์โค ในรัฐคอนเน็กติกัต กล่าวว่า ปัจจัยที่ช่วยพยุงให้ดาวโจนส์สามารถปิดบวกมาจากข่าวที่ว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามา เตรียมใช้แผนฟื้นฟูตลาดอสังหาริมทรัพย์มูลค่า 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งมีเป้าหมายที่จะช่วยเหลือเจ้าของบ้านให้รอดพ้นจากปัญหาการถูกยึดบ้านติดจำนอง ซึ่งครอบคลุมถึงการให้อำนาจศาลล้มละลายช่วยเหลือผู้กู้บ้านให้มีที่อยู่อาศัย ซึ่งแผนการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจตามที่โอบามาได้ให้คำมั่นไว้เมื่อครั้งที่หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี

อัตราการยึดบ้านติดจำนองที่เพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อปีที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งกดดันให้ราคาบ้านปรับตัวลดลง และเป็นอุปสรรคต่อความพยายามในการกระตุ้นความต้องการลงทุนในตลาดที่อยู่อาศัย ขณะที่การขายบ้านค้างสต็อกด้วยการลดราคาลงยังดำเนินไปอย่างยากลำบาก

"นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงวิตกกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลกถดถอย รวมถึงตัวเลขจีดีพีญี่ปุ่นที่หดตัวลงรุนแรงที่สุดในรอบ 35 ปี และภาวะสภาพคล่องตึงตัวที่เกิดขึ้นกับธนาคารในยุโรปตะวันออก" โกลด์แมนกล่าว

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของสหรัฐ รวมถึงตัวเลขการสร้างบ้านและอพาร์ทเมนท์ในเดือนม.ค.ที่ทรุดตัวลง 16.8% และตัวเลขการผลิตในภาคอุตสาหกรรมร่วงเกินคาด 1.8% ในเดือนม.ค.เพราะได้รับผลกระทบจากผลผลิตรถยนต์ที่ร่วงลงอย่างรุนแรง

นักลงทุนมีท่าทีไม่มั่นใจในมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 7.87 แสนล้านดอลลาร์ที่ประธานาธิบดีโอบามาเพิ่งลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมาย หลังจาก อลัน กรีนสแปน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า แผนฟื้นฟูฉบับดังกล่าวยังไม่มากพอที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวได้ และติงว่ารัฐบาลสหรัฐยังพยายามไม่มากพอในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในระบบการเงิน

ทั้งนี้ หุ้นคาเตอร์พิลลาร์ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ก่อสร้างรายใหญ่ที่สุดของโลก ปิดร่วง 1.9% ส่วนหุ้นวอล-มาร์ท ปิดบวก 3.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด และหุ้นกูเกิลปิดบวก 3.1%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ