หุ้น ADVANC ราคาวิ่งขึ้น 3.90% มาอยู่ที่ 80 บาท เพิ่มขึ้น 3 บาท มูลค่าซื้อขาย 451.10 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.51 น. โดยเปิดตลาดที่ 77.50 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 80.50 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 77.50 บาท
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูไนเต็ด แนะ"ซื้อ"หุ้น ADVANC ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อราคาหุ้น เพราะฐานะการเงินแข็งแกร่งสุดในการลงทุน 3G บนคลื่นความถี่ 2.1 GHz ( D/E ratio ที่ 0.5 เท่า), ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงสุดในกลุ่มที่ 8%ต่อปี (จ่ายทุกครึ่งปี โดย DPS งวด 2H51 ที่ 3.3 บาท ) และราคาหุ้นที่ปัจจุบันยังซื้อขายบน EV/EBITDA ต่ำสุดในกลุ่มมือถือเพียงระดับ 5 เท่า โดยคงราคาเป้าหมายปี 52 ที่ 101.4 บาท
แนวโน้มปี 52 เบื้องต้นบริษัทประเมินยังถูกกดดันจากปัญหาเศรษฐกิจต่อเนื่อง จึงส่งผลคาดรายได้ปี 52 โตลดลงเหลือ 3-4% โดยมีฐานลูกค้าในต่างจังหวัดเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญ ซึ่งสอดคล้องกับที่คาดไว้ ดังนั้น จึงยังคงประมาณการกำไรปกติปี 52 ที่ 18,284 ล้านบาทหรือหดตัวเล็กน้อยเพียง -3%YoY
สถาบันวิจัย บล.นครหลวงไทย แนะนำ"ซื้อ"หุ้น ADVANC ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 93 บาท/หุ้น ทั้งนี้ ADVANC ได้รายงานกำไรสุทธิ 2551 รวม 1.65 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นระดับทรงตัวจากปี 2550 และคณะกรรมการบริษัทอนุมัติได้จ่ายเงินปันผล 6.30 บาท/หุ้น โดยจะจ่ายสำหรับงวดครึ่งปีหลังอีก 3.30 บาท ตามคาดหมาย คิดเป็น Dividend Yield ทั้งปีที่ 8% (ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 16 เม.ย. และจ่ายเงินปันผลวันที่ 4 พ.ค.)
สำหรับแนวโน้มในปี 2552 ผู้บริหารคาดว่าในช่วง 1H/52 จะยังคงเห็นผลประกอบการที่ชะลอตัวเมื่อเทียบกับ 1H/51 และจะเริ่มฟื้นตัวสูงใน 2H/52 ทั้งนี้ผู้บริหารยังคงเชื่อมั่นว่าจะจ่ายเงินปันผลที่ระดับ 6.30 บาทได้ในปี 2552
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย)แนะ"ซื้อ"หุ้น ADVANC ให้ราคาพื้นฐาน 99 บาท/หุ้น ทางผู้บริหารคาดการณ์รายได้ในการให้บริการปีนี้เติบโตประมาณ 3-4% โดยจะเน้น คุณภาพของ ลูกค้าใหม่ ๆ มากกว่าเน้นจำนวนผู้ใช้บริการ (ทั่วประเทศคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 5 ล้านราย) โดยมองว่า จะไม่เห็นการเติบโตในครึ่งปีแรก แต่จะดีขึ้นในครึ่งปีหลัง
ซึ่งมาตรการทางเศรษฐกิจของรัฐบาล จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการบริโภคมากขึ้น เดิมทางฝ่ายฯคาดการณ์รายได้ประมาณไว้ 116,184.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น เพียง 4.86% หากเทียบกับปีก่อน และคาดว่าจะมีกำไรสุทธิประมาณ 19,231.09 ล้านบาท โดยยังไม่รวมขาดทุนจากด้อยค่าค่านิยมในส่วนที่เหลือ คาดว่าจะทำการปรับประมาณการลง 1-2%