บมจ.สยามแม็คโคร(MAKRO) คาดว่ารายได้จากยอดขายในปี 52 จะเติบโตได้ราว 2-3% ในทิศทางเดียวกับอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย ซึ่งลดลงจากปี 51 ที่รายได้เติบโตสูงถึง 2 digit โดยบริษัทยังเดินหน้าที่จะลงทุนรวม 1 พันล้านบาทเพื่อขยายสาขาใหม่เพิ่มอีก 2 แห่งทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด ขณะที่จัดกิจกรรมด้านการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด จัดโครงการ Work Shop เป็นกิจกรรมเสริมเพิ่มรายได้สอดรับกับสถานการณ์เศรษฐกิจชะลอตัวที่ส่งผลกระทบต่อการจ้างงาน
"ตอนเราทำงบประมาณเมื่อปีที่แล้วก่อนเกิดวิกฤติเราก็คิดว่าปี 52 จะโต 5% ตามจีดีพี แต่ยอดขายของเราโตตามจีดีพี ซึ่งเราก็คิดว่าปีนี้จีดีพีโต 2-3% ไม่ใช่ติดลบแน่ และที่ผ่านมาเราโตสูงกว่าจีดีพี"นางสุชาดา อิทธิจารุกุล กรรมการผู้จัดการ MAKRO กล่าว
และยังคาดว่าอัตรากำไรขึ้นต้นปี 52 จะต่ำกว่าปีก่อน ซึ่งมีไม่ถึง 10% แม้ว่าสินค้าประเภทอาหาร (Food)ยังเติบโตได้ดีเป็นตัวเลข 2 หลัก แต่สินค้าในกลุ่มที่ไม่ใช่อาหาร(Non-Food)มีแนวโน้มชะลอตัว โดยเห็นสัญญาณตั้งแต่ต้นปีที่ยอดขายไม่มีการเติบโต อย่างไรก็ตาม ยังถือว่าใข้ได้เพราะดีกว่าติดลบ
นางสุชาดา กล่าวว่า สัญญาณการชะลอตัวของยอดขายเริ่มปรากฎในไตรมาส 4/51 แต่คาดว่าทั้งปี 51 รายได้ของบริษัทเติบโตตัวเลข 2 หลัก ซึ่งเกินกว่าเป้าหมาย และดีกว่าปี 50 ที่มีรายได้ 6.4 หมื่นล้านบาท โดยในปีก่อนบริษัทไม่ได้ขยายสาขาเพิ่ม
แม้ปีนี้ภาวะเศรษฐกิจจะชะลอตัวและยอมรับว่าบริหารยากกว่าปีก่อน แต่บริษัทยังมีแผนเดินหน้าธุรกิจเพื่อผลักดันให้มีการเติบโต และไม่มีการปลดพนักงาน แต่จะลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น โดยปี 52 บริษัทได้ลงทุนเปิดสาขาใหม่ 2 แห่ง ได้แก่ ในกรุงเทพย่านรามอินทรา บนพื้นที่ 21 ไร่ และ ใน จ.ชุมพร ซึ่งทั้งสองแห่งจะเปิดให้บริการได้กลางปีนี้ ทำให้สาขาของบริษัทเพิ่มเป็น 43 สาขาจากปัจจุบันมี 41 สาขา
นอกจากนี้ บริษัทก็ยังหาจังหวะขยายสาขาต่อเนื่องให้ได้ทั่วประเทศ ขณะนี้ครอบคลุมไป 33 จังหวัด ก็ยังมีโอกาสเปิดสาขาใหม่ในอีกกว่า 40 จังหวัด แต่ขึ้นอยู่จังหวะได้ที่ดินแปลงใหญ่ ขณะที่ความพร้อมด้านเงินทุนของบริษัทมีพร้อมตลอดเวลา ฐานการเงินของบริษัทยังแข็งแกร่ง โดยบริษัทมีส่วนทุนประมาณ 8-9 พันล้านบาท ขณะที่มีหนี้กับสถาบันการเงินเพียงกว่า 1 พันล้านบาท ยังมีความสามารถกู้เพิ่มได้อีก
"ของเราปีนี้ growth กับ growth เดินหน้าลูกเดียว ไม่มีอะไรที่จะทำให้เราหยุดหรือขยายการเติบโต เรายังทำงานทุกอย่างเหมือนเดิม แต่เราไม่ประมาท เราไม่ใช้จ่ายเกินตัว"นางสุชาดา กล่าว
ปัจจุบัน MAKRO มีลูกค้าที่เป็นสมาชิกประมาณ 2.1 ล้านรายทั่วประเทศ ส่วนใหญ่เป็นร้านโชห่วย
*ปรับกลยุทธ์ช่วยหนุนสร้างอาชีพให้ลูกค้า
นางสุชาดา กล่าวว่า จากภาวะเศรษฐกิจหดตัว ทำให้เกิดภาวะว่างงานสูง บริษัทได้จัดโครงการ"แม็คโคร สร้างอาชีพ"เพื่อเปิดโอกาสให้กับผู้ที่ว่างงานได้มีอาชีพ หรือผู้ต้องการอาชีพเสริม หรือเพิ่มรายได้ พร้อมขายชุดเครื่องมืออุปกรณ์ประกอบธุรกิจขนาดเล็ก เช่น ร้านอาหาร โดยเมื่อ ก.พ.นี้ได้เปิดแคมเปญขายชุดร้านก๋วยเตี๋ยวที่จะมีอุปกรณ์ทั้งหมดรวมไว้ขายในราคาที่มีส่วนลด หรือ ตั้งร้านข้าวมันไก่ไร้คลอเรสเตอรอล
และในเดือน มี.ค.นี้จะออกชุดร้านโชห่วยขนาดเล็กโดยจะคัดเลือกสินค้าที่จำเป็นต่อร้านค้า ในราคารวม 3 พันบาทหรือ 5 พันบาท เป็นต้น
บริษัทจะทยอยออกแคมเปญสนับสนุนการสร้างอาชีพตลอดปีนี้ โดยจัดมหกรรมครบเครื่องเรื่องอาหารและอุปกรณ์ครั้งที่ 4 ในวันที่ 20-22 มี.ค.นี้ที่อิมแพค เมืองทองธานี ภายใต้แนวคิด "ต่อยอดธุรกิจ สร้างแนวคิดใหม่"โดยคาดว่าปีนี้จะมีผู้เข้าชมงานมากกว่า 6 หมื่นคน
นางสุชาดา กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล กรณีที่แจกเงิน 2 พันบาท รวมมูลค่าประมาณ 2 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะเข้าสู่ระบบหรือถึงมือประชาชนในเดือน เม.ย. ซึ่งเป็นจังหวะเหมาะที่เป็้นช่วงที่มีเทศกาลสงกรานต์ และเป็นช่วงปิดเทอม ทำให้กระตุ้นยอดขายบริษัททางอ้อม
ประกอบกับ เห็นว่ารัฐบาลยังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทยอยออกมาอีกทั้งระยะกลางและระยะยาวก็เชื่อว่าน่าจะผ่านไปได้ แต่ที่ยังน่ากังวลเรื่องการท่องเที่ยว และการส่งออก