แหล่งข่าวจาก บมจ.การบินไทย (THAI) เปิดเผยว่า บริษัทได้วงเงินกู้จากธนาคารต่างประเทศ จำนวน 170 ล้านเหรียญหสรัฐ หรือประมาณ 6 พันล้านบาท อายุ 12 ปี แบบ Financial Lease เพื่อนำไปรับมอบเครื่องบินแอร์บัส A330-300 จำนวน 2 ลำ ตามกำหนด ในเดือนเม.ย.และ พ.ค. 52
และขณะนี้ สภาพคล่องทางการเงินของการบินไทยดีขึ้นเล็กน้อย หลังจากผลประกอบการในเดือน ม.ค. 52 มีกำไร เนื่องจากปริมาณผู้โดยสารสูงขึ้นกว่าที่บริษัทคาดการณ์ และราคาน้ำมันปรับตัวลดลงมาก โดยเชื่อว่าระดับราคาน้ำมันคงไม่ปรับขึ้นไปเร็วอย่างปีก่อน เพราะภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และคาดว่าในเดือนก.พ.ปริมาณผู้โดยสารก็น่าจะสูงต่อเนื่อง
"ที่ยังชะลอการกู้เงินออกไปได้ ความจริงแล้ว ในเดือนมกราคม กุมภาพันธ์ เราไม่มีปัญหา สถานการณ์คลี่คลายดีขึ้น เราจึงมีเวลา ปรากฎเรามีกำไรในมกราคม"แหล่งข่าว กล่าว
อนึ่ง ผู้บริหารการบินไทย ระบุว่า ม.ค. 52 อัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร(Cabin Factor) อยู่ที่ระดับ 75% สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 50-60%
อย่างไรก็ตาม การบินไทยก็ยังต้องขอความช่วยเหลือจากกระทรวงการคลังในการช่วยค้ำประกันเงินกู้ เพื่อจะนำมารีไฟแนนซ์หนี้ระยะสั้นที่ขณะนี้มีอยู่ประมาณ 1 หมื่นกว่าล้านบาทให้เป็นหนี้ระยะยาว เพื่อให้สอดคล้องกับอายุสินทรัพย์ที่ลงทุนและเครื่องบินที่มีอายุเฉลี่ย 10-11 ปี แต่อายุการใช้งานเฉลี่ย 18 ปี
แหล่งข่าว กล่าวว่า ในวันที่ 23 ก.พ.ฝ่ายบริหารจะประชุมหารือแผนปรับปรุงธุรกิจอีกครั้ง โดยจะปรับปรุงแผนใหม่ในช่วงปี 52-54 และปรับปรุงแผนวิสาหกิจ 10 ปีในเรื่องการจัดหาเครื่องบินด้วย จากนั้นจะเสนอต่อคณะกรรมการบริษัทพิจารณาอนุมัติในวันที่ 27 ก.พ.นี้ เมื่อได้รับการอนุมัติแผนแล้วจะเสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.)ต่อไป
"เขาจะใช้งบประมาณปี 52 เป็นฐาน และดูว่าจะมีอะไรปรับปรุงได้อีก และมองไปข้างหน้า แผนก็จะทำเป็นระยะยาว น่าจะถึง 10 ปี ตามแผนวิสาหกิจเดิมที่ทำ 10 ปี แต่อาจจะเสนอเป็นช่วงๆ ทำทีละ 3 ปี เพราะของ สคร.เขาเน้น 3 ปี ดังนั้น เราต้องทำ 3 ปีก่อน และต้องดูอย่างละเอียดและระมัดระวัง โดยปี 52 งบประมาณอนุมัติไปแล้วแต่จะนำมาปรับปรุงอีกที ถ้าได้ดีกว่านี้ก็ยิ่งดีใหญ่ เพราะที่บอร์ดอนุมัติไปปี 52 มีกำไรอยู่แล้ว"แหล่งข่าว กล่าว