นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.โกลเบล็ก(GLOBLEX)เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์ปีนี้(2552)เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเป็น 3% จากปี 51 อยู่ในระดับ 1.4% ขณะเดียวกันก็จะสอดคล้องกับรายได้ของบริษัทฯที่ปีนี้คาดว่าจะเติบโต 50% จากปี 51 ที่มีรายได้ 303 ล้านบาท หลังจากที่ได้ทีมมาร์เก็ตติ้งจากบล.ซีมิโก้(ZMICO)เข้ามาร่วมงานด้วยถึง 20 คน หรือคิดเป็น 10% ของวอลุ่มเทรดของ ZMICO หรือ 0.3% ของตลาดโดยรวม
นอกจากนั้น ยังมีทีมงานของ ZMICO ในส่วนที่เหลืออีก 10 ราย ขณะนี้อยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะเข้ามาที่ GLOBLEX หรือไม่
ทั้งนี้ รายได้ของบริษัทฯที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น จะมาจากธูรกิจหลักทรัพย์หลัก แม้ปีนี้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจหลักทรัพย์จะลดลงมาอยู่ที่ 70% ของรายได้ทั้งหมด จากปี 51 ที่มีสัดส่วน 80% ขณะที่ธุรกิจ Gold Future จะทำรายได้เข้ามาในสัดส่วน 10% ซึ่งจะขณะนี้มีสัญญาการซื้อขายเฉลี่ย 200 สัญญาต่อวัน จากช่วงก่อนหน้านี้มี 70 สัญญาต่อวัน
นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจ(IB) 10% ที่ปัจจุบันบริษัทมีดีลลูกค้าในมืออยู่ 3-5 ดีล และอีก 10% มาจากการลงทุน(investment) ที่เป็นการลงทุนทั้งในตราสารทุนและตราสารหนี้
"ผมจะพยายามในการปรับตัวหลังจากที่เข้ามาร่วมงานกับบล.โกลเบล็ก ทำให้คนรู้จัก บล.โกลเบล็กมากขึ้น ซึ่งภายใต้สภาวะอย่างนี้ ทุกคนต้องปรับตัว รวมถึงธุรกิจหลักทรัพย์ด้วยเช่นกัน คงจะไปขึ้นอยู่กับรายได้จากค่าคอมมิชชั่นอย่างเดียวไม่ได้ เพราะมูลค่าซื้อขายทุกวันนี้ เหลือเพียง 9.5 พันล้านบาทต่อวัน"นายชนะชัย กล่าวในการแถลงเปิดตัวหลังจากที่ยกทีมเข้ามาร่วมงานกับ GLOBLEX
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GLOBLEX กล่าวว่า ทางบริษัทไม่ได้ปิดกั้นการหาพันธมิตร ซึ่งที่ผ่านมาเมื่อข่าวเกิดขึ้นก็ได้มีการพูดคุยกับผู้ถือหุ้น และผู้ถือหุ้นก็เข้าใจเพียงแต่ขณะนี้กลุ่มผู้ถือหุ้นยังต้องการที่จะถือหุ้น GBX ในสัดส่วน 50% แต่ถ้าเป็นพันธมิตรในลักษณะของการร่วมทำธุรกิจด้วยกัน ก็ยินดีที่จะให้ความร่วมมือ เพราะเป็นการเพิ่มช่องทางการหารายได้
ทางด้านนายณัฐวุฒิ เขมะโยธิน กรรมการผู้จัดการ บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์(GBX) กล่าวว่า ปี 52 ถือเป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงในการประกอบธุรกิจโฮลดิ้ง หลังจากที่ภาวะตลาดฯได้ปรับตัวลง โดยบริษัทคงจะชะลอการลงทุนในหุ้น หลังจากพอร์ตการลงทุนในหุ้นประสบกับขาดทุน และปัจจุบันมูลค่าพอร์ตลงทุนเหลือไม่ถึง 100 ล้านบาท
ขณะที่ปีนี้จะหันมาเน้นลงทุนในธุรกิจทองคำแท่งแทน ซึ่งถือเป็นการปรับตัวภายใต้สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงในเวลานี้ โดยใช้เงินลงทุนในธุรกิจดังกล่าวประมาณ 200 ล้านบาท โดยคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุน 7-10% จากตรงนี้จะทำให้ GBX สามารถพลิกผลการดำเนินงานมาเป็นกำไรได้ จากที่ขาดทุน 120 ล้านบาทในปี 51
"ปีนี้ถือเป็นปีที่ต้องแข่งขันการกระจายรายได้ หรือการหาธุรกิจอื่นมาเสริมธุรกิจหลักทรัพย์ ถือเป็นสิ่งที่ควรทำ ซึ่งในส่วนโฮลดิ้งเอง เราก็หันมาทำธุรกิจเอง แทนที่จะถือหุ้นและรับผลตอบแทนจากการลงทุนเพียงอย่างเดียว"นายณัฐวุฒิ กล่าว