นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)กล่าวว่า กรณีใบหุ้นปลอมที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ในการลงทุน ดังนั้น ผู้ที่ได้รับความเสียหายสามารถเรียกร้องกับทางบริษัทจดทะเบียนได้ เนื่องจากผู้ทุจริตจัดทำใบหุ้นปลอมของ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย(SCC)ได้กระทำความผิดในขณะที่เป็นพนักงานของบริษัท และบริษัทจดทะเบียนก็ควรมีการตรวจสอบอย่างรอบคอบและระมัดระวัง
เรื่องดังกล่าว ก.ล.ต.ไม่สามารถดำเนินการใดได้ เนื่องจากไม่ได้ผิดพ.ร.บ.หลักทรัพย์ แต่ผิดกฎหมายอาญา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ดูแลอยู่แล้ว แต่ผู้ที่เสียหายมีโอกาสร้องความเสียหายทางแพ่งกับตัวบริษัทที่น่าจะมีส่วนรับผิดชอบเนื่องจากผู้กระทำผิดได้กระทำผิดขณะดำรงตำแหน่งในบริษัท
"คงไม่ผิดพ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ แต่ผิดกฎหมายอาญา ดังนั้นมีโอกาสที่ผู้เสียหายสามารถเรียกร้องทางแพ่งได้กับบริษัทจดทะเบียน เนื่องจากบริษัทต้องมีส่วนเกี่ยวข้องในการรับผิดชอบ" เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าว
นายธีระชัย กล่าวต่อว่า เมื่อบริษัทจดทะเบียนอื่นๆ เห็นตัวอย่างของกรณีใบหุ้นปลอม SCC แล้วก็ควรจะไปดำเนินการตรวจสอบในบริษัทตนเอง ส่วนทางบริษัทหลักทรัพย์ก็มีการเตือนผ่านสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ให้ติดตามการทำงานและตรวจสอบการทำงานของมาร์เก็ตติ้งอย่างใกล้ชิด เพราะไม่อยากให้มีปัญหาการนำหุ้นของลูกค้าไปหาประโยชน์ โดยเฉพาะลูกค้าที่ไม่ค่อยมีการซื้อขาย และต้องการให้นักลงทุนที่ซื้อหุ้นทิ้งไว้นาน ๆ ตรวจสอบสิทธิอย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต
นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวว่า กรณีใบหุ้นปลอมกระทบในแง่ของความเชื่อมั่นนักลงทุน แม้ว่าจะไม่กระทบต่อภาพรวมตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเฉพาะในบริษัทจดทะเบียนแห่งใดแห่งหนึ่ง แต่ในส่วนระบบการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ไทยมีมาตราฐานสากล และปัจจุบันหุ้นส่วนใหญ่เข้าสู่ระบบไร้ใบหุ้น(Scripless)มานานแล้ว โดยมีมาตรฐานและการดูแลจากตลาดฯ ดังนั้นขอให้นักลงทุนดูแลและตรวจสอบหุ้นในพอร์ตลงทุนอย่างละเอียด