(เพิ่มเติม) กลุ่มเซ็นทรัลคาดปี52 ยอดขายโต11%มาที่1.13แสนลบ.,ตั้งงบลงทุน1.9หมื่นลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 24, 2009 13:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุทธิชัย จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด เปิดเผยว่า กลุ่มเซ็นทรัล คาดว่าในปี 52 ทั้งกลุ่มจะมียอดขายราว 112,500 ล้านบาท เติบโต 11% จากปีก่อนที่มียอดขายทั้งสิ้น 101,700 ล้านบาท โดยยอดขายในปี 52 จะมาจาก 5 กลุ่มธุรกิจ คือ กลุ่มธุรกิจค้าปลีก (CRC) มีอัตราการเติบโตประมาณ 10% กลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (CPN) มีอัตราการเติบโตประมาณ 22% กลุ่มธุรกิจค้าส่ง (CMG) มีอัตราการเติบโตประมาณ 1% กลุ่มธุรกิจโรงแรม (CHR) มีอัตราการเติบโตประมาณ 9% และกลุ่มเซ็นทรัลเรสเตอรองส์กรุ๊ป (CRG) มีอัตราการเติบโตประมาณ 9%

พร้อมทั้ง ตั้งงบลงทุนในปีนี้ไว้ที่ 1.9 หมื่นล้านบาท จากปี 51 ที่ใช้งบลงทุนรวม 15,350 ล้านบาท โดยงบลงทุน 1.9 หมื่นล้านบาท จะใช้สำหรับการลงทุนในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกมากที่สุดราว 9.2 พันล้านบาท รองลงมาเป็นธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 6.4 พันล้านบาท กลุ่มธุรกิจโรงแรม 2.9 พันล้านบาท กลุ่มเซ็นทรัลเรสเตอรองส์กรุ๊ป 310 ล้านบาท และกลุ่มธุรกิจค้าส่ง 190 ล้านบาท

แหล่งเงินทุจะมาจากเงนกู้ยืมสถาบันการเงิน และทุนหมุนเวียนภายในกิจการ

นอกจากนี้ กลุ่มยังมีแผนออกหุ้นกู้ 5 พันล้านบาท เพื่อสำรองไว้ใช้ในอนาคต แต่อาจจะออกหรือไม่ออกก็ได้

*ไม่รีบร้อนเรื่องการลงทุน

ด้านนายปริญญ์ จิราธิวัฒน์ กรรมการ บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด กล่าวว่า ในปีนี้กลุ่มเซ็นทรัลจะไม่เน้นการลงทุนใหม่ แต่จะมุ่งทำโครงการที่มีอยู่ ส่วนโครงการที่อยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุน เช่นที่เวียดนาม อินเดีย ก็ยังศึกษาต่อไป แต่ไม่รีบร้อนที่จะลงทุน

ส่วนความคืบหน้าการลงทุนทำห้างสรรพสินค้าในเมืองหางโจว ที่ได้มีการเซ็นสัญญาเช่าพื้นที่ไปแล้ว ขณะนี้ทำแบบก่อสร้างใกล้เสร็จแล้ว คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในช่วงต้นปี 53 และจะทยอยใส่เงินลงทุนเพิ่มเติม แต่คงไม่มาก

สำหรับธุรกิจในประเทศ ที่กลุ่มฯ มีแผนโครงการก่อสร้างศูนย์การค้าที่เชียงใหม่ เชียงราย ได้ตัดสินใจเลื่อนการลงทุนออกไปก่อน ส่วนโครงการพัฒนาที่ดินบริเวณสถานฑูตอังกฤษให้เป็นโรงแรมและศูนย์การค้า ยังไม่สรุปว่าจะสร้างเมื่อไหร่ แต่ก็ได้มีการชะลอมาจากที่คาดว่าจะเข้าพัฒนาได้ในปี 52 นี้

ส่วนแผนพัฒนาที่บริเวณสวนลุมไนท์บาซ่า ยังไม่สามารถเข้าไปดำเนินการได้ เนื่องจากยังติดปัญหาสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์และกลุ่มผู้เช่ายังตกลงกันไม่ได้

"ทางกลุ่มฯ ไม่ได้รีบร้อนเรื่องการลงทุน เพราะสถานการณ์เวลานี้กับในอดีตแตกต่างกัน และโดยปกติการทำโครงการหลังจาก ซื้อที่ดินก็จะใช้ระยะเวลาในการศึกษาไม่นาน แต่เรื่องของสภาพเศรษฐกิจทำให้ต้องดูอย่างรอบคอบ ดูสภาพเศรษฐกิจ ดูเงินในกระเป๋าเราด้วย อาจจะดูๆไว้ แต่ยังไม่ลงทุน"นายปริญญ์ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ