(เพิ่มเติม) EGCO คาดปี 52 รายได้เพิ่ม แต่กำไรลดจากปี 51, เตรียมเจรจายืดหนี้ในปท.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 24, 2009 16:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวินิจ แตงน้อย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ผลิตไฟฟ้า(EGCO)คาดว่า กำไรสุทธิในปี 52 ของบริษัทจะลดลงจากปี 51 ซึ่งเป็นไปตามสัญญาโครงสร้างค่าไฟฟ้าที่จะส่งผลต่อกำไรจากโรงไฟฟ้าในเครือทั้งโรงไฟฟ้าขนอมและระยองชะลอตัว เนื่องจากเข้าสู่ช่วงท้ายของสัญญาแล้ว

แต่การจ่ายปันผลในปี 52 มีความเป็นไปได้ที่จะจ่ายสูงกว่า 5 บาทต่อหุ้นในปี 51 เนื่องจากนโยบายของบริษัทก็พยายามจ่ายปันผลให้สูงขึ้นต่อเนื่องทุกปี

นายวินิจ กล่าวว่า หลังจากนี้บริษัทจะต้องหารายได้จากต่างประเทศและในประเทศเข้ามาเสริม โดยปัจจุบันมีเงินทุนกว่า 5 พันล้านบาทพร้อมที่จะลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าและธุรกิจเชื้อเพลิงทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย โดยในส่วนของฟิลิปปินส์ บริษัทเพิ่งเข้าไปลงทุนในโรงไฟฟ้าเควซอน เป็นเงิน 3.5 พันล้านบาท และปีนี้น่าจะได้เห็นมีโอกาสที่จะสรุปการลงทุนเพิ่มได้อีก

สำหรับการลงทุนปีนี้ในเบื้องต้นที่มีความแน่นอนแล้ว จะมีการลงทุนในโครงการน้ำเทิน 2 จำนวน 1.6 พันล้านบาท โดยโครงการจะแล้วเสร็จปลายปี 52 นี้และปีหน้าจะทำให้บริษัทกลับมาเติบโต หลังจากมีโครงการน้ำเทิน 2 เข้ามาช่วย

นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนจะเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ที่ได้กู้เงินมาเพื่อลงทุนในโรงไฟฟ้าเควซอนจากสถาบันในประเทศทั้งจำนวน 3.5 พันล้านบาท โดยบริษัทมีแผนจะขอยืดอายุหนี้เป็น 4-5 ปี จากอายุหนี้ที่เหลืออยู่ 2 ปี

นายวินิจ กล่าวต่อว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างทำแผนเพื่อเสนอโครงสร้างค่าไฟของโรงไฟฟ้าขนอมและระยองภายใต้สัญญาฉบับใหม่ เนื่องจากเหลืออายุสัญญาเดิมอีก 6 ปี และคาดว่าจะสรุปแผนได้ภายในปีนี้ ซึ่งบริษัทคาดหวังว่าจะได้ต่ออายุสัญญาอย่างน้อย 10 ปี เนื่องจากโรงไฟฟ้าขนอมและระยองยังมีศักยภาพสูงในการผลิตไฟฟ้า และตัวโรงไฟฟ้ายังถือว่าใหม่มากเมื่อเทียบกับโรงอื่นในประเทศ หากเลวร้ายที่สุดไม่ได้ต่อสัญญาก็ยังสามารถขายโรงไฟฟ้า

ส่วนโรงไฟฟ้าแห่งอื่น ๆ ที่อยู่ในแผนการลงทุน อาทิ โรงไฟฟ้าน้ำอู กำลังผลิต 1,000 เมกะวัตต์(เบื้องต้น EGCO ลงทุน 20%) โรงไฟฟ้าน้ำเทิน 1 กำลังการผลิต 523 เมกะวัตต์ (EGCO ถือหุ้น 40%) ในประเทศลาว ขณะนี้ก็ได้มีการชะลอแผนออกไป ตามการคาดการณ์ปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าที่ลดลงตามที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ประเมิน

ด้านโครงการพลังงานทางเลือกอื่นๆ บริษัทยังคงพัฒนาโครงการพลังงานลมที่หัวไทรต่อเนื่อง แต่ในส่วนโครงการพลังงานจากขยะ ได้ล้มเลิกโครงการ หลังผู้ถือหุ้นรายใหญ่ อย่างบมจ.ปตท. (PTT) เห็นว่าไม่คุ้นทุนในการลงทุน

ปัจจุบัน บริษัทมีกำลังผลิตไฟฟ้าที่ 4.2 พันเมกะวัตต์ มีมาร์เก็ตแชร์ 12% ของผู้ให้บริการไฟฟ้าในประเทศ ถือว่าเพียงพอต่อการสร้างรายได้ของบริษัท

"ปี 52 เรายังมั่นใจว่ารายได้จะเพิ่มขึ้น หลังจากที่มีการลงทุนในโรงไฟฟ้าเควซอน แต่กำไรคงลดลงหลังจากโครงสร้างค่าไฟส่วนใหญ่อยู่ในปลายอายุสัญญา แต่ก็ยังหวังว่าจะจ่ายปันผลได้ตามที่เคยตั้งใจไว้ คือจะสูงขึ้นต่อเนื่องทุกปี" นายวินิจ กล่าว

นายวินิจ กล่าวว่า สภาพคล่องในมือที่มี 5 พันล้านบาทในขณะนี้ ถือว่าเพียงพอ และบริษัทยังมีวงเงินกู้ที่สามารถกู้ได้ทันทีจากสถาบันการเงินอีก 1-2 หมื่นล้านบาท



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ