โบรกแนะ"รอจังหวะลงทุน"PTT เชื่อแนวโน้มปี 52 ฟื้นตัวตามโรงกลั่น-ปิโตรฯ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 25, 2009 10:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ยังคงแนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ปตท.(PTT) แม้ผลประกอบการไตรมาส 4/51 จะออกมาขาดทุนแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ และอัตราการจ่ายเงินปันผลต่ำกว่าที่คาด แต่โดยพื้นฐานเชื่อว่าในปี 52 ธุรกิจจะฟื้นตัวตามธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมี ซึ่งมองว่าไตรมาส 1/52 ธุรกิจทั้งสองด้านจะพลิกกลับมามีกำไรจากไตรมาส 4/51 ที่ขาดทุนอย่างหนัก

แต่เนื่องจาก หุ้น PTT เป็นหุ้นที่มีมูลค่าตลาดรวมสูงหรือมีน้ำหนักมากในตลาด ราคาหุ้น ณ ขณะนี้จึงยังอ่อนตัวตามภาวะตลาดโดยรวม ประกอบกับผิดหวังผลประกอบการการและการจ่ายปันผลส่งผลทางจิตวิทยา จึงแนะให้ซื้อในช่วงตลาดขาลง ซึ่งมองว่ายังอ่อนตัวต่อได้อีก

ราคาหุ้น PTT เช้านี้เปิดมาที่ 157.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ +0.64%

          โบรกเกอร์           คำแนะนำ          ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          บล.กรุงศรีอยุธยา      ซื้อ                 280
          บล.ทิสโก้            ซื้อ                 267
          บล.บัวหลวง          ซื้อ                 210
          บล.กิมเอ็ง         ซื้อลงทุน               199
          บล.เกียรตินาคิน     ซื้อลงทุน               195

นางวิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า ผลประกอบการของเครือ PTT ในไตรมาส 4/51 และการจ่ายเงินปันผลของ ปตท.ต่ำกว่าตลาดคาดการณ์ไว้ สร้างความผิดหวัง ทำให้หุ้น PTT ซึ่งมีน้ำหนักต่อตลาดหุ้นค่อนข้างเยอะอ่อนแรงและฉุดตลาด

และตลาดยังมีความวิตกเรื่องสถาบันการเงินในสหรัฐต่อเนื่อง ส่งผลให้ตลาดในภูมิภาคปรับตัวลงมา รวมทั้ง ตัวเลขจีดีพีของไทยในไตรมาส 4/51 ที่ติดลบ 4.3% และการคาดการณ์จีดีพี ปี 52 รอบใหม่ของสภาพัฒน์ที่ติดลบ 1-0% และการชุมนุมของกลุ่มนปช. ทำให้เม็ดงินใหม่ไม่กลับเข้ามา

"ณ วันนี้ถ้าถามว่าหุ้น ปตท.น่าลงุทนไหม ถ้าดูปัจจัยพื้นฐานก็ยังน่าลงทุนอยู่ แต่ว่า sentiment ตลาดอาจจะทำให้หุ้นปตท.ยังมีแนวโน้มทางอ่อน ที่มาจากผลประกอบการที่ประกาศออกมาขาดทุนมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาด และเงินปันผลต่ำกว่านักวิเคราะห์ว่าไว้ เพียงแต่ valuation ในปี 52 ก็ยังคงมองสูงกว่าระดับราคาปัจจุบันซึ่งได้ปรับลงแล้ว"

ดังนั้น จึงมองว่า ตอนนี้จึงยังไม่ใช่จังหวะเข้าซื้อ โดยทางเทคนิคแนวรับอยู่ที่ 150 บาท ถัดไป 145 บาท ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 160 บาท ในเชิงเทคนิคระบุว่าราคา PTT ทรงตัว แต่มีน้ำหนักในเชิงขาลง ที่มีโอกาสทดสอบ 150 และ 145 บาท

"หุ้นเริ่มปรับตัวลงมาอยู่ในระดับความน่าสนใจ แต่ว่า การตั้งรับ เรามองไว้ที่ 150 กับ 145 ให้อิงกับปัจจัยทางเทคนิคในการรอซื้อในช่วงสั้นๆ" นางวิริยา กล่าว

ทั้งนี้ PTT รายงานผลขาดทุนสุทธิไตรมาส 4/51 ที่ 22,189 ล้านบาทเทียบกับกำไร 17,877 ล้านบาทในไตรมาส 3/51 และ 24,457 ล้านบาทในไตรมาส 4/50 โดย PTT จ่ายเงินปันผลปี 51 ที่ 8 บาท/หุ้น เนื่องจากช่วงครึ่งหลังของปี 51 จ่ายเพียง 2 บาท/หุ้น

ด้านนายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผุ้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.บัวหลวง กล่าวว่า ราคา PTT ปรับลงมาเพราะผลประกอบการในไตรมาส 4/51 แย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาด และก็ยังไม่แน่ใจว่ากำไรจะดีขึ้นหรือไม่ เพราะดูจากราคาน้ำมันโดยเฉลี่ย ณ วันนี้ ต่ำกว่าไตรมาส 4/51 ฉะนั้น โอกาสที่จะเห็นกำไรปตท.ต่ำลง

"ในไตรมาส 1 ยังไม่ฟื้นตัว เราคิดว่า อาจจะเป็นไตรมาส 2 หรือ 3 มากกว่า ถ้าดูในแง่ ปตท. ขาหนึ่งเขาขายก๊าซ อีกขาหนึ่งรับกำไรจากบริษัทลูก ถ้ามองระหว่าง ปตท.กับ ปตท.สผ.เราคิดว่า ปตท. save กว่า"นายชัยพร กล่าว

ทั้งนี้ มองว่าราคาน้ำมันยังปรับลงกว่านี้ โดยในไตรมาส 1/52 ราคาน้ำมันจะอยู่ที่ประมาณ 35 เหรียญต่อบาร์เรล และในไตรมาส 2/52 น่าจะอยู่ที่ 25 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นภาพสะท้อนภาวะเศรษฐกิจ โดยเดิมที่คาดว่าภาวะเศรษฐกิจจะลงไปต่ำสุดในไตรมาส 2/52 นั้น ขณะนี้เริ่มคิดว่าน่าจะเป็นไตรมาส 3/52 เพราะว่าสหรัฐยังมีปัญหาการปล่อยสินเชื่อ จึงมีแนวโน้มเศรษฐกิจจะหดตัวตค่อเนื่อง และมาตรการกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐก็ยังไม่เห็นผลในระยะสั้น น่าจะเห็นในครึ่งปีหลัง ทำให้คนมีความหวังน้อยลง

นายชัยพร มองว่า หากพิจารณาการลงทุนหุ้น ปตท.กับหุ้นกู้ ปตท.เห็นว่า การลงทุนนหุ้นกู้จะดีกว่า เพราะมีอัตราผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนจากการเงินปันผลในปี 52 ที่คาดว่าอยู่ระดับ 5% แต่หุ้นกู้จะมั่นคงกว่า ขณะที่ราคาหุ้น ปตท.มีแนวโน้มอ่อนตัวลงได้

"ในสายตาผมตราสารหนี้น่าสนใจกว่า เพราะ ณ วันนนี้ กำไรของปตท.ยังมี downside ฉะนั้น เงินปันผลที่คนคาดหวังอาจจะไม่ได้ ซึ่งวันนี้มองอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 5% แต่ซื้อตราสารหนี้ได้ผลตอบแทนแน่ๆ ไม่ต้องเสี่ยง และในช่วงภาวะเศรษฐกิจจะปรับลงต่อ Fixed Income จะ Outperform Equity"นายชัยพร กล่าว

นอกจากนี้ หุ้น PTT มีน้ำหนักในตลาดมาก ก็มีทิศทางไปกับตลาด ซึ่งมองว่าดัชนีตลาดจะปรับลงไปต่ำสุดที่ 350 จุด ในไตรมาส 2/52 ฉะนั้น ต้องรอจังหวะเข้าซื้อโดยให้ราคาถูกลงกว่านี้

บทวิเคราะห์จาก บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ประเมินว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะพลิกกลับมาเป็นกำไรในไตรมาส 1/52 จากการที่ส่วนแบ่งของธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมีจะกลับมาเป็นกำไรอีกครั้ง จากการที่โรงกลั่นคาดว่าจะไม่มีผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันมากเหมือนไตรมาสก่อน ในขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมีก็คาดว่าจะไม่มีผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินค้าคงเหลือเนื่องจากราคาปิโตรเคมีที่ฟื้นตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในไตรมาสนี้

ในส่วนของธุรกิจก๊าซของบริษัทคาดว่าผลกำไรจะดีขึ้นจากการเดินเครื่องได้เต็มกำลังการผลิต 100% ของโรงแยกก๊าซหลังจากเดินเครื่องแค่ 82% ในไตรมาส 4/51 ส่วนผลกำไรของ PTTEP คาดว่าจะทรงๆ ตัวจากไตรมาสก่อนจากการที่ราคาจำหน่ายปิโตรเลียมยังคงลดลงตามราคาน้ำมัน

ส่วนธุรกิจน้ำมันของบริษัทคาดว่าจะมีผลประกอบการที่ดีขึ้นตามการฟื้นตัวของค่าการตลาดหลังจากที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยรวมแล้วผลกำไรในไตรมาส 1/52 จะดีกว่าไตรมาส 4/51 แต่จะไม่ดีไปกว่าไตรมาส 1/51 ที่มีกำไรสุทธิ 26,133 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 9.27 บาท

"เราคาดว่าบริษัทจะกลับมามีกำไรเติบโต 21% จากปีก่อน เป็น 62,308 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 22.06 บาท ในปีนี้ตามการฟื้นตัวของส่วนแบ่งผลกำไรของธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมี ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายอยู่ที่ PER 7.1 เท่าและมี upside อยู่ 28% จากราคาที่เหมาะสมตามวิธี sum-of-the-part ที่ 199 บาท เราคงคำแนะนำ ซื้อลงทุน" บทวิเคราะห์กิมเอ็งระบุ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ