TKT เดินหน้าห้องพ่นสีใหม่ดันรายได้ แม้รับปีนี้หนีไม่พ้นผลวิกฤติรถยนต์

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 25, 2009 11:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ที.กรุงไทยอุตสาหกรรม(TKT)เดินหน้าฝ่าสึนามิเศรษฐกิจซัดอุตสาหกรรมยานยนต์ ด้วยการลงทุนสร้างห้องพ่นสีชิ้นส่วนแบบคลีนรูม 20 ล้านบาท เริ่มผลิตได้ภายในไตรมาส 2/52 หวังผลักดันเพิ่มมูลค่าสินค้าทำให้มาร์จิ้นสูงขึ้น เจรจา 3 ค่ายรถยนต์ใหญ่ป้อนออร์เดอร์เข้าช่วงไตรมาส 3/52 คาดทำรายได้ปีแรก 30 ล้านบาท แต่ยอมรับปีนี้รายได้รวม-กำไรลดลงในทิศทางเดียวกับภาพรวมอุตสาหกรรมรถยนต์

นายจุมพล เตชะไกรศรี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ TKT กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"ว่า การลงทุนในการสร้างห้องพ่นสีชิ้นส่วนแบบคลีนรูมเป็นการเจาะลึกธุรกิจมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดขายมากขึ้น และจะช่วยเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิ้น)เพิ่มเป็น 18-25% จากปกติ 15-18% ขณะที่คู่แข่งยังมีน้อยภายใต้สภาวะเช่นนี้ ถือเป็นจังวะที่ดี และยังเป็นการช่วยลดความเสี่ยงถึงแม้สถานการณ์ภาพรวมอุตสาหกรรมรถยนต์ลดลง 20-30% ในปี 52

ทั้งนี้ คาดว่าห้องพ่นสีจะเริ่มผลิตได้ในไตรมาส 2/52 จากปัจจุบันที่บริษัทอยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยจะใช้เม็ดเงินลงทุนประมาณ 20 ล้านบาท จากวงเงินลงทุนทั้งปีที่มีราว 50-60 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะใช้ปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิต

นายจุมพล กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทได้มีการเจรจากับค่ายรถยนต์รายใหญ่แล้วจำนวน 3 ราย คาดว่าจะเห็นออร์เดอร์สำหรับห้องพ่นสีชิ้นส่วนรถยนต์ใหม่เข้ามาในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ ซึ่งจะสร้างยอดขายได้ประมาณ 30 ล้านบาทในปีแรก จากกำลังการผลิตเต็มที่ 150 ล้านบาท

ขณะที่ธุรกิจแม่พิมพ์อุตสาหกรรมก็ยังคงให้ความสำคัญต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีมาร์จิ้นสูงเช่นกันและพยายามที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจดังกล่าวให้มากขึ้น โดยเฉพาะการหาลูกค้ารายใหม่ ขณะเดียวกันก็พยายามลดต้นทุนเพื่อทำให้ระดับราคาไม่สูง เพื่อแข่งขันด้วยเพราะปัจจุบันมีลูกค้าเทียบราคาสินค้าระหว่างบริษัทกับผู้ผลิตในต่างประเทศ

นายจุมพล กล่าวต่อว่า สิ่งสำคัญในช่วงที่สภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวบริษัทจะต้องพยายามพัฒนาสินค้าที่สร้างมาร์จิ้นเพื่อช่วยการดำเนินธุรกิจ ลดความเสี่ยงและยังเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทในอนาคต โดยเฉพาะสินค้าที่แตกต่างจากรายอื่นๆ แม้ว่าทุกอย่างจะเลวร้ายและไม่ควรใช้เงิน แต่ไม่ใช่ว่าบริษัทจะต้องหยุดการลงทุนที่จะพลิกวิกฤตอาจจะเป็นโอกาส แม้ที่ผ่านมาบริษัทจะลงทุนเครื่องฉีดลายพ่นสีไปแล้ว แต่ห้องพ่นสีคลีนรูมจะเป็นอีกออปชั่นที่มากขึ้น

“ผมไม่ปฎิเสธว่าไม่ได้รับผลกระทบจากอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ลดลงที่ประเมินกันว่าจะลดลง 30% ใครที่ทำธุรกิจเหมือนผมได้รับผลกระทบอยู่แล้ว สิ่งสำคัญอยู่ที่การปรับตัวและการหาวิธีในการแก้ได้ก่อนกัน ในส่วนของเราได้เห็นสัญญานแล้วได้ทยอยปรับโครงสร้าง ค่อยๆปรับ เพราะฉะนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ยอดขายจะ Drop ลง แต่กำไรยังเห็นแน่นอนมากหรือน้อยก็เท่านั้น แต่สิ่งที่จะเน้นคงเป็นการลดค่าใช้จ่ายขณะเดียวกันก็จะไม่ละเว้นในการพัฒนาและวิจัย เพราะเมื่อสถานการณ์กลับมาดีเราก็จะเดินหน้าลุยได้ก่อนคนอื่น"นายจุมพล กล่าว

อย่างไรก็ตาม ภายใต้ภาพรวมอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ลดลง 20-30% ยอดขายบริษัทในปีนี้ก็คงจะปรับลดลงตามไปด้วย และแม้บริษัทจะเพิ่มสินค้าที่เพิ่มมูลค่าและมีมาร์จิ้นที่สูงก็ตาม แต่ก็ยอมรับว่าคงจะไม่สามารถชดเชยได้หมด จึงคาดว่ายอดขายในปี 52 คงจะลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 800 ล้านบาท ลดลงจากปี 51 ที่มียอดขายราว 1 พันล้านบาท

ในด้านกำไร บริษัทก็ยังมั่นใจว่าจะทำกำไรได้ แต่อาจจะลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนในทิศทางเดียวกับรายได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องยอมรับ

นายจุมพล กล่าวถึงความคืบหน้าในการหาพันธมิตรว่า ช่วงนี้คงยังไม่รีบร้อน แต่ก็ยังเปิดกว้างทุกทางเลือกไม่ว่าจะเป็นพันธมิตรในแง่การร่วมทุน หรือ การเข้ามาช่วยเหลือด้าน Know-how ซึ่งที่ผ่านมาพันธมิตรได้ชะลอเจรจาไปบ้าง เพราะตอนนี้เชื่อว่าผู้ผลิตชิ้นส่วนทุกรายต่างก็ได้รับผลกระทบจากปัญหาที่เกิดขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ