นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บมจ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) คาดว่าผลการดำเนินงานในปี 52 จะดีขึ้นจากปี 51 ที่ผ่านมา จากการที่บริษัทเริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศรัสเซียในปีนี้
นอกจากนี้การที่สินค้าของบริษัทเป็นสิ่งที่จำเป็น และจากการที่ซีพีเอฟปรับตัวในการขยายธุรกิจเข้าสู่สินค้าอาหารพร้อมรับประทานภายใต้ตราสินค้าซีพีมากขึ้น โดยให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยและสุขอนามัยในการผลิต
สำหรับในปี 51 ที่ผ่านมานั้น เป็นปีที่ท้าทายในการดำเนินธุรกิจจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้น สินค้าโภคภัณฑ์อันรวมถึง น้ำมันและวัตถุดิบในการผลิตอาหารสัตว์ของบริษัทมีความผันผวนค่อนข้างมาก โดยปรับตัวสูงต่อเนื่องและปรับตัวลงอย่างมากในช่วงปลายปี ซีพีเอฟได้มีการชะลอการลงทุนและขยายงาน พร้อมๆ ไปกับการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตและการทำงาน เพื่อให้มีต้นทุนที่ลดลง
ในปี 51 บริษัทมียอดขายรวมจำนวน 156,238 ล้านบาท และกำไรสุทธิรวมจำนวน 3,128 ล้านบาท เติบโต 16% และ 145% ตามลำดับ และประกาศจ่ายเงินปันผลของทั้งปี 2551 รวม 0.19 บาทต่อหุ้น
อย่างไรก็ดี ในปี 52 นี้ วิกฤตเศรษฐกิจโลกอาจจะยังถดถอยต่อเนื่องมาจากปลายปีที่ผ่านมา และยังไม่มีแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างชัดเจน ตัวเลขการว่างงานในแต่ละประเทศก็มีเพิ่มขึ้น ซึ่งน่าจะกระทบต่ออัตราการบริโภคทั่วโลก ซีพีเอฟคงต้องดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบ ทั้งด้านการผลิต การตลาด และการเงิน