ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กวิตกปัญหาภาคธนาคาร ฉุดดาวโจนส์ปิดลบ 80.05 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 26, 2009 06:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (25 ก.พ.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นในภาคการธนาคารของสหรัฐ และหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ปิดลบไม่มากนักเพราะได้รับแรงหนุนจากการที่รัฐบาลสหรัฐยืนยันว่าจะเข้าซื้อหุ้นในธนาคารพาณิชย์

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 80.05 จุด หรือ 1.09% แตะที่ 7,270.89 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 8.24 จุด หรือ 1.07% แตะที่ 764.90 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดร่วง 16.40 จุด หรือ 1.14% แตะที่ 1,425.43 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.8 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 3 ต่อ 2 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.43 พันล้านหุ้น

แอนโทนี คอนรอย นักวิเคราะห์จากบีเอ็นวาย คอนเวิร์จเอ็กซ์ กรุ๊ป กล่าวว่า ในช่วงเช้านั้นดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงอย่างหนักและภาวะการซื้อขายผันผวนมากเนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้นในภาคการธนาคารของสหรัฐ และรายงานยอดขายบ้านมือสองที่ร่วงลงเกินความคาดหมาย

"แต่ต่อมาในช่วงบ่าย แรงลบในตลาดเริ่มลดน้อยลงหลังจากมีรายงานข่าวว่า กระทรวงการคลังสหรัฐเตรียมทดสอบความสามารถในการรักษาฐานะทางการเงิน (stress test) ของธนาคารพาณิชย์ โดยใช้มาตรวัด 2 แบบในการตรวจสอบครั้งนี้ และคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือนเม.ย.นี้" คอนรอยกล่าว

นอกจากนี้ แรงตึงเครียดในตลาดลดน้อยลงหลังจากรัฐบาลสหรัฐออกมายืนยันว่า รัฐบาลจะเข้าซื้อหุ้นบุริมสิทธิ์จากธนาคารพาณิชย์ที่สามารถแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญได้ และหลังจากเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกมายืนยันเป็นวันที่ 2 ว่า รัฐบาลไม่ควรยึดกิจการของธนาคารพาณิชย์มาเป็นสมบัติของชาติ เพราะจะส่งผลกระทบต่อมูลค่าของธนาคาร แต่แนวทางที่ดีที่สุดคือการให้ความช่วยเหลือธนาคารที่ประสบปัญหา เพื่อให้ธนาคารเหล่านี้สามารถทำกำไรได้อีก

สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติรายงานว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนม.ค.ร่วงลง 5.3% เหลือเพียง 4.49 ล้านยูนิต ขณะที่ราคาบ้านโดยเฉลี่ยลดลง 14.8% เหลือเพียง 170,300 ดอลลาร์ ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ในโพลล์บลูมเบิร์กคาดการณ์ไว้ว่า ยอดขายบ้านมือสองในเดือนม.ค.จะปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.1% มาอยู่ที่ 4.79 ล้านหลังต่อปี

ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีโอบามาได้แถลงมาตรการฟื้นฟูตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อป้องกันมิให้ชาวสหรัฐ 9 ล้านครัวเรือนถูกยึดบ้านหลุดจำนอง รวมทั้งเปิดเผยแนวทางการสกัดกั้นภาวะขาลงของราคาบ้าน ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจตกต่ำ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงวิตกกังวลต่อภาวะตึงตัวในตลาดแรงงานที่มีคนตกงานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่การเข้าถึงเงินกู้ของผู้บริโภคยังคงยากลำบาก

หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น หลังจากซีอีโอของแบงค์ ออฟ อเมริกา แสดงความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเสถียรภาพของธนาคาร โดยหุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกา ดีดขึ้น 11% ส่วนหุ้นไอบีเอ็ม ร่วงลง 50 เซนต์ ปิดที่ 85.90 ดอลลาร์ หุ้นไมโครซอฟท์ ปิดลบ 21 เซนต์ แตะที่ 16.96 ดอลลาร์ และหุ้นยาฮู ร่วงลง 2%



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ