นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) (BANPU) กล่าวว่า กำไรสุทธิจำนวน 9,228 ล้านบาท แบ่งเป็นกำไรสุทธิจากธุรกิจถ่านหินจำนวน 6,326 ล้านบาท และ 2,902 ล้านบาทจากธุรกิจไฟฟ้า หรือคิดเป็นร้อยละ 68. 5 และ 31.5 ของกำไรสุทธิทั้งหมดตามลำดับ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงผลประกอบการของธุรกิจถ่านหินที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นผลมาจากราคาขายถ่านหินเฉลี่ยที่ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับความสำเร็จจากการซื้อหุ้นของบริษัท อเมริกัน โคล อิงค์ (Asian American Coal Inc. — AACI) เมื่อกลางปีที่แล้วมีส่วนช่วยเสริมให้กำไรจากธุรกิจถ่านหินจากสาธารณรัฐประชาชนจีนสูงขึ้นด้วย
"ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยที่สูงขึ้น (จาก 41.06 เหรียญสหรัฐต่อตันในปี 2550 เป็น 72 เหรียญสหรัฐต่อตันในปี 2551) มีส่วนสำคัญในการผลักดันอัตรากำไรขั้นต้นจากธุรกิจถ่านหินปรับตัวสูงขึ้นเป็นร้อยละ 48 จากร้อยละ 37 ในปีก่อนหน้า ท่ามกลางสภาวะต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้นทั้งในส่วนของราคาน้ำมันดีเซลและต้นทุนในการทำเหมือง ในขณะที่ธุรกิจถ่านหินในประเทศจีน เหมืองถ่านหินต้าหนิงและเฮ่อปี้สร้างกำไรเป็นจำนวนเงิน 1,781 ล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 4 เท่าจากปีก่อนหน้า ทั้งนี้เป็นผลมาจากทั้งราคาขายถ่านหินในประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้น และการรวมงบการเงินของ AACI ตั้งแต่ครึ่งปีหลัง 2551" นายชนินท์กล่าว
ในปี 51 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวมจำนวน 50,530 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 18,088 ล้านบาท หรือร้อยละ 56 แบ่งเป็นรายได้จากการจำหน่ายถ่านหินจำนวน 45,976 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 91 ของรายได้จากการขายรวม ซึ่งมาจากการขายถ่านหินจากเหมืองถ่านหินในสาธารณรัฐอินโดนีเซียจำนวน 45,599 ล้านบาท และ จากเหมืองถ่านหินในประเทศไทย 377 ล้านบาท รายได้จากธุรกิจไฟฟ้าและไอน้ำจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมในสาธารณรัฐประชาชนจีน มีจำนวน 4,460 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 9 ของรายได้จากการขายรวม
"ใน 51 ธุรกิจไฟฟ้ามีส่วนเสริมรายได้ให้แก่บริษัทฯ น้อยลงกว่าปีก่อนโดยมีการบันทึกกำไรจากโรงไฟฟ้า BLCP จำนวน 3,165 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 22 จาก 4,076 ล้านบาทในปีก่อนหน้า เป็นผลจากการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 202 ล้านบาท ในขณะเดียวกัน ธุรกิจไฟฟ้าในประเทศจีนก็ประสบปัญหาจากราคาขายไฟฟ้าที่ถูกควบคุมโดยรัฐบาลในขณะที่ต้นทุนราคาถ่านหินปรับตัวสูงขึ้นตามสภาวะตลาด จึงทำให้กำไรสุทธิจากโรงไฟฟ้าในประเทศจีนลดลงเหลือ 160 ล้านบาท" นายชนินท์กล่าวเพิ่มเติม
สำหรับปริมาณการจำหน่ายถ่านหิน ในปี 2551 มีจำนวนทั้งสิ้น 18.5 ล้านตัน ลดลง 0.8 ล้านตัน หรือร้อยละ 4 จากปีก่อนหน้า เป็นผลจากปริมาณสำรองถ่านหินของเหมืองในประเทศไทยปรับลดลง และการผลิตของเหมืองถ่านหินในสาธารณรัฐอินโดนีเซียประสบกับปัญหาภาวะฝนตกหนักมากที่สุดอีกปีหนึ่ง
ฐานะทางการเงินของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 มีสินทรัพย์รวมจำนวน 89,362 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24,311 บาท หรือร้อยละ 37 มีหนี้สินรวมจำนวน 43,828 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17,274 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 65อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 เท่ากับ 0.36 เท่า เทียบกับ 0.14 เท่า ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 ส่วนกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน เท่ากับ 33.96 บาทต่อหุ้น ปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 39 เมื่อเทียบกับ 24.49 บาทต่อหุ้นในปี 2550