นายเผด็จ หงษ์ฟ้า กรรมการ บมจ.เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ (MPIC) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการได้มีมติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจาก 360,000,000 บาท เป็น 641,250,000 บาท โดยออกหุ้นสามัญจำนวน 281,250,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท รวมมูลค่า 281,250,000 บาท
คณะกรรมการมีมติให้จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 281,250,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท รวมมูลค่า 281,250,000 บาท เพื่อเสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท ในอัตราส่วน 1.28 หุ้นเดิม : 1 หุ้นเพิ่มทุน ราคา 1.40 บาท
และในกรณีที่มีหุ้นเหลือจากการเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน ให้นำหุ้นที่เหลือดังกล่าวจำนวนรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 280,000,000 หุ้น มาจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นของ บริษัท เอ็ม วี ดี จำกัด (MVD) (เดิมชื่อบริษัท แปซิฟิค มาร์เก็ตติ้ง แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ กรุ๊ป จำกัด) เพื่อใช้ชำระค่าหุ้นของ MVD โดยมีอัตราการแลกเปลี่ยนหุ้นเท่ากับ 14 หุ้นเพิ่มทุนของบริษัท ต่อ 1 หุ้นของ MVD สำหรับการได้มาซึ่งหุ้นของ MVD จำนวน 20,000,000 หุ้น จากบมจ.เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป(MAJOR)และผู้ถือหุ้นอื่นทุกรายของ MVD
วัตถุประสงค์ของการเพิ่มทุนและการใช้เงินทุนในส่วนที่เพิ่ม เพื่อนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรองรับการขยายธุรกิจ และเพื่อใช้ในการชำระราคาค่าหุ้นของ MVD โดยภายหลังการเข้าทำรายการในครั้งนี้ บริษัทจะถือหุ้นอย่างน้อยร้อยละ 98.50 ใน MVD ซึ่งจะทำให้บริษัทได้รับประโยชน์จากการสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างครบวงจร ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและศักยภาพในการทำกำไรของบริษัท ประกอบด้วย ส่วนงานจัดหาสิทธิ์ภาพยนตร์ จะดำเนินการโดย MVD และบริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส จำกัด ซึ่ง MVD จะเน้นการจัดหาสิทธิ์ภาพยนตร์จาก Major Studios ขณะที่บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส จำกัด จะเน้นค่ายอิสระต่างๆ
ส่วนงานเพิ่มมูลค่าให้แก่สิทธิ์ภาพยนตร์โดยการฉายผ่านเครือโรงภาพยนตร์ของ MAJOR ที่มีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศ และส่วนงานบริหารการตลาดจะดำเนินการโดยบริษัท ซึ่งจะเน้นการบริหารจัดการสิทธิ์ที่มีทั้งหมด เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าจะลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้น MVD ก่อนวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของ MAJOR ซึ่งถือหุ้นทั้งหมดใน MVD ในวันที่ 9 เมษายน 2552 โดยการซื้อขายหุ้นจะกระทำก็ต่อเมื่อเงื่อนไขบังคับก่อนที่ กำหนดในสัญญาได้สำเร็จลงแล้ว ซึ่งคาดว่าการซื้อขายหุ้นจะเกิดขึ้นภายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2552
MVD ประกอบธุรกิจหลักในการจัดจำหน่ายวีซีดี ซีดี ดีวีดี ภาพยนตร์ ละคร รายการโทรทัศน์ เพลง และ ซอฟท์แวร์คอมพิวเตอร์เฉพาะที่เกี่ยวกับบันเทิง รวมถึงการจัดการด้านลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ที่ MVD เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์ เพื่อจัดทำภาพยนตร์ในรูปของแผ่นวีซีดี, ดีวีดี และบลูเรย์ และเพื่อถ่ายทอดทางโทรทัศน์ทั้งทางเคเบิลทีวีและฟรีทีวี
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เห็นสมควรปลดเครื่องหมาย "SP" เพื่ออนุญาตให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของบริษัท ตั้งแต่การซื้อขายรอบบ่ายของวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2552 เป็นต้นไป หลังจากที่บริษัทได้เผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวโดยครบถ้วน ชัดเจนและทั่วถึงแล้ว