นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) กล่าวว่า การเข้าถือหุ้นเพิ่มในบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต(MTL) ผ่านการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มเติมใน บริษัท เมืองไทย โฟร์ทิส โฮลดิ้ง จำกัด(MTFH) จะทำให้สินทรัพย์ของธนาคารเพิ่มขึ้น 6-7 หมื่นล้านบาท แต่ที่สำคัญคือ สอดคล้องกับกลยุทธ์ทางธุรกิจของธนาคารที่ต้องการมีบริการให้ลูกค้าครบทุกประเภท
ขณะที่มองว่าธุรกิจประกันชีวิตยังมีโอกาสเติบโตมาก และยิ่งอาศัยจุดแข็งที่จะขยายฐานลูกค้าผ่านสาขาธนาคาร
"ที่เลือกเมืองไทยฯ เพราะว่ามีความเข้มเข็งทั้งทางธุรกิจ ผู้บริหารและ ผู้ร่วมทุน โดยจะมีการเซ็นสัญญาในเดือนมี.ค.และ ไตรมาส 2 จะเริ่มทำธุรกิจร่วมกัน คาดว่าจะมี IRR 10% ขึ้นไป"นายประสาร กล่าว
บอร์ด KBANK มีมติเห็นชอบให้ซื้อหุ้นเพิ่มเติมใน MTFH ซึ่งถือหุ้นอยู่ใน MTL ในสัดส่วน 75% เพื่อให้ธนาคารมีสัดส่วนการถือหุ้นใน MTFH เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 51% และจะทำให้ธนาคารมีผลประโยชน์ (Economic Interest) ตามสัดส่วนใน MTL ประมาณ 38.25% โดยมูลค่าการซื้อหุ้น MTFH อยู่ที่ประมาณ 7.2 พันล้านบาท
นายประสาร กล่าวว่า ธนาคารต้องการถือหุ้นทั้ง 100% ใน MTFH แต่ผู้ถือหุ้นเดิมทั้งกลุ่มล่ำซำและผู้ร่วมทุนต่างชาติไม่ยินยอม ในที่สุดจึงตกลงเข้ามาถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 75% จากเดิมที่ถืออยู่ 10%
สำหรับการประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ลงในวันนี้ นายประสาร กล่าวว่า จะไม่กระทบความสามารถการทำกำไรของธนาคารในไตรมาส 1/52 เนื่องจากเป็นการปรับดอกเบี้ยทั้ง 2 ขา
โดยในปีนี้ธนาคารยังคงเป้าหมายรักษาส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ(NIM)ไว้ที่กว่า 3% ซึ่งลดลงจาก 3.9% เมื่อปีก่อนตามทิศทางดอกเบี้ยขาลง และเมื่ออัตราดอกเบี้ยนโยบายลด รายได้ของธนาคารก็ลดลงตาม ขณะที่ดอกเบี้ยจ่ายไม่สามารถลดลงได้ทันที ต้องรอครบกำหนดเวลาเป็นเงื่อนไข
แต่ธนาคารก็ยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะทิศทางอัตราดอกเบี้ยต้องขึ้นกับดอกเบี้ยนโยบายที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)