นายชายน้อย เผื่อนโกสุม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น(PTTAR) ในฐานะประธานกลุ่มโรงกลั่นน้ำมัน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรฐานน้ำมันยุโรประดับที่ 4(ยูโร 4) ออกไปอีก 2 ปี ตามข้อเรียกร้องของผู้ประกอบการ จากเดิมที่กำหนดเริ่มบังคับใช้ภายในเดือน มี.ค.นี้ เพื่อช่วยลดปัญหาต้นทุน
"ในภาวะที่เศรษฐกิจทั่วโลกตกต่ำ รวมถึงค่ายรถยนต์และโรงกลั่นน้ำมันประสบปัญหาเรื่องยอดขาย หากเร่งการลงทุนอาจทำให้ต้นทุนสูงขึ้น และไม่คุ้มค่ากับการลงทุน ซึ่งหากยังไม่ได้คำตอบในเดือนมีนาคมนี้ก็จะเป็นปัญหาต่อการลงทุนของกลุ่มโรงกลั่นฯ ที่อาจจะว่าจ้างก่อสร้างให้เสร็จไม่ทันกำหนดเดิมที่วางไว้" นายชายน้อย กล่าว
ทั้งนี้ หากรัฐบาลเลื่อนบังคับใช้ออกไปจะเป็นผลดีต่อประเทศในเรื่องการลดเงินลงทุน ลดการนำเข้าวัสดุอุปกรณ์ โดยกลุ่มโรงกลั่นฯ จะสามารถเจรจาต่อรองกับผู้รับเหมาให้ลดต้นทุนได้ 20-25% จากวงเงินเดิมที่คาดว่าจะต้องลงทุนสูงถึง 50,000-70,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันไทยยังมีการส่งออกน้ำมัน 15-20% แต่ประเทศที่รับซื้อยังไม่ได้ใช้มาตรฐานยูโร 4 ทำให้ไทยต้องขายในราคาต่ำซึ่งไม่คุ้มค่ากับการลงทุน
นายชายน้อย กล่าวว่า ความต้องการใช้น้ำมันของประเทศไทยในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 700,000 บาร์เรล/วัน สูงกว่าปีก่อนซึ่งอยู่ที่ประมาณ 690,000บาร์เรล/วัน ส่วนราคาคาดว่าเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ประมาณ 50-55 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำหรับโรงงานใหม่ของ PTTAR นั้นสร้างเสร็จแล้วทำให้มีปริมาณสินค้าจำหน่ายเพิ่มขึ้น โดยกำลังกลั่นเพิ่มจาก 1.45 แสนบาร์เรล/วัน เป็น 1.9 แสนบาร์เรล/วัน พาราไซลีนเพิ่มจาก 1.1 ล้านตัน เป็น 2.2 ล้านตัน/ปี หลังมีการบริหารโรงกลั่นระยองอย่างเต็มตัวเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา และบริษัทฯ กำลังศึกษาเรื่องการลดต้นทุนทั้งระบบ รวมไปถึงการลดการผลิตโทลูอีน เพื่อให้ได้สารอื่นที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งคาดว่าจะทำให้ลดต้นทุนการผลิตได้ จากขณะนี้ที่มีมาร์จิ้นรวมเฉลี่ย 1.20 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล