นายสมฤกษ์ ตั้งพิรุฬห์ธรรม กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยฮา(KASET)เชื่อว่า ยอดขายในเดือน ก.พ.52 จะฟื้นตัวกลับมาสู่ระดับปกติ หลังจากยอดขายในเดือนแรกของปีนี้ลดลงไป โดยเฉพาะยอดส่งออก เนื่องจากระยะนี้ออร์เดอร์เข้ามาสูงถึง 80-90% ของกำลังการผลิตแล้ว และยังวางแผนไปโรดโชว์ที่รัสเซียเพื่อเพิ่มจำนวนผู้แทนจำหน่ายเป็น 75 ประเทศทั่วโลกภายในปีนี้
"การที่ปีนี้บริษัทได้เน้นกลยุทธ์เชิงรุกขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้รายได้ในปี 52 น่าจะเติบโตเป็น 2.4 พันล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนที่รายได้จะอยู่ที่ 2.2 พันล้านบาท"นายสมฤกษ์ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
นายสมฤกษ์ กล่าวต่อว่า ในปีนี้บริษัทคงจะรุกตลาดสินค้ากึ่งสำเร็จรูปต่อเนื่องจากปีก่อน ทั้งประเภทโจ๊กและวุ้นเส้นที่เป็นสินค้าเพิ่มมูลค่าที่ทำมาร์จิ้นสูงถึง 20-30% มากกว่าข้าวที่มีมาร์จิ้นแค่ 15% รวมทั้งยังมียอดขายที่ดีกว่าและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งสอดคล้องกับแผนงานที่จะมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ 2 ประเภท ซึ่งจะทำให้ความสามารถในการเติบโตของรายได้ในปี 52 ก็จะเพิ่มขึ้น
ขณะที่ตลาดต่างประเทศจะมีการขยายเพิ่มมากขึ้นโดยจะเป็นลักษณะพ่วงไปในประเทศหลักๆ เช่น ออสเตรเลีย ยุโรป ฯลฯ
นายสมฤกษ์ กล่าวว่า จากแผนที่บริษัทจะรุกเพิ่มขึ้นนั้นทำให้บริษัทเพิ่มกำลังการผลิตสินค้า โดยเฉพาะโจ๊กกึ่งสำเร็จรูปให้เพิ่มขึ้นเป็น 3 แสนหีบจากปัจจุบัน 1.5 แสนหีบ วุ้นเส้นกึ่งสำเร็จรูปเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 2.4 แสนตัน จาก 1.5 หมื่นตัน และข้าวหอมมะลิเป็น 2 แสนตันจาก 1.8 แสนตันในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ด้วย
การเพิ่มกำลังการผลิตนั้นบริษัทได้การลงทุนด้วยการใช้เงินประมาณ 45 ล้านบาทในการสั่งซื้อเครื่องจักรเข้ามารองรับซึ่งจะรองรับยอดขายให้เพิ่มขึ้นอีก 400-500 ล้านบาท
นายสมฤกษ์ กล่าวว่า บริษัทยืนยันจะใช้แนวทางการขายหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง(PP)เพื่อระดมเงินทุนมาใช้ในการขยายธุรกิจ แม้ว่าแผนงานจะล่าช้ามาจากปีก่อน แต่ก็เชื่อว่าจะสำเร็จได้ภายในปีนี้ โดยขณะนี้ยังอยู่ระหว่างเจรจากับผู้ที่สนใจมากกว่า 2 รายทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งมีทั้งธุรกิจเทรดดิ้งและสถาบันการเงิน
"ไม่กังวลกับเรื่องเพิ่มทุน PP แม้ว่าก่อนหน้านี้มีการคุยบางรายที่ขอยกเลิกเพราะไม่พร้อม แต่เราก็ไม่ได้เร่งรีบเพราะที่ผ่านมามีคนสนใจเข้ามาเพิ่มขึ้นทั้งรายเดิมและรายใหม่ ตอนนี้เจรจามากกว่า 2 รายขึ้นไปทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งสถาบันการเงินและธุรกิจเทรดดิ้ง"นายสมฤกษ์ กล่าว
การเพิ่มทุนล่าช้าเพราะสภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวย ซึ่งยอมรับว่าการเพิ่มทุนเป็นกลยุทธ์ที่สวนกระแสจากสภาวะปัจจุบัน แต่ขณะเดียวกันมองว่ายังมีโอกาสจะขายหุ้นได้ราคาดี เพราะยอดขายของบริษัทเติบโตอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา หลังจากปลายปีออกสินค้าเพิ่มขึ้นทั้ง"วุ้นเส้นกึ่งสำเร็จรูป"และ"ยำวุ้นเส้นทะเล"อีกทั้งปีนี้บริษัทก็มีแผนจะออกสินค้าใหม่ต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 2/52 ประมาณ 2 ประเภท โดยเน้นสินค้าอาหารกึ่งสำเร็จรูป
นอกจากนั้น ในช่วงไตรมาส 2/52 ยังมีแผนส่งสินค้าใหม่ออกวางตลาดอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะยังไม่สามารถเพิ่มทุนได้ แต่ก็ได้นำเงินจากกระแสเงินสดและกำไรที่มีอยู่ออกมาใช้ลงทุนเครื่องจักรประมาณ 45 ล้านบาทเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตขยายไลน์ธุรกิจนอกเหนือจากสินค้าที่มีอยู่ จากเดิมวางแผนจะนำเงินจากการเพิ่มทุน 27 ล้านหุ้นหรือเม็ดเงินราว 200 ล้านบาทมาใช้ลงทุน
นายสมฤกษ์ กล่าวว่า การที่บริษัทนำเงินส่วนอื่นออกมาใช้ก่อนก็ไม่ได้ทำให้กังวล เพราะเป็นจำนวนที่ไม่มากและเมื่อสามารถเพิ่มทุน PP ได้ตามแผนที่วางไว้ได้เงินก็จะนำไปคืนก่อนที่ได้ใช้ไปก่อน