GLOW แจงปัจจัยภายใน-ภายนอกกระทบกำไรปี 51,เดินหน้าขยายโรงไฟฟ้าต่อเนื่อง

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday February 27, 2009 14:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ. โกลว์ พลังงาน (GLOW) แจ้งผลประกอบการปี 2551 โดยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 33,751 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นจากปี 2550 ร้อยละ 4.33 กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายภาษีเงินได้และค่าเสื่อม (EBITDA) 7,294 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 15.24 และกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ (Net Normalized Profit: NNP) จำนวน 3,784 ล้านบาท ซึ่งลดลงร้อยละ 12.27 จากปี 2550

นายเอซ่า เฮสคาเน่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทโกลว์กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานในปี 2551 สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน คือ ปัจจัยภายนอกและปัจจัยจากการดำเนินการ โดยผลกระทบจากปัจจัยภายนอกมีสาเหตุหลักที่สำคัญคือการปรับราคาค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ที่ไม่สอดคล้องกับต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นในปี 2551 และความต้องการใช้ไฟฟ้าของลูกค้าอุตสาหกรรมที่ลง ส่งผลให้กำไรลดลงประมาณ 810 ล้านบาท

ส่วนของปัจจัยภายในมีสาเหตุมากจากการหยุดซ่อมนอกแผนของโรงไฟฟ้าถ่านหินกำลังการผลิต 150 เมกกะวัตต์ และการล่าช้าของการเริ่มการผลิตภายหลังการซ่อมบำรุงใหญ่หน่วยผลิตไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ IPP กำลังการผลิต 356 เมกะวัตต์ ซึ่งส่งผลต่อผลประกอบการในไตรมาส 4 ประมาณ 290 ล้านบาท

ทั้งนี้ในปี 2551 ที่ผ่านมา ฝ่ายจัดการของบริษัทได้ดำเนินมาตรการหลายอย่างเพื่อลดผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งช่วยให้บริษัทประหยัดเงินได้มากกว่า 800 ล้านบาท

*เดินหน้าขยายโครงการใหม่ต่อไป

ปัจจุบันโกลว์อยู่ระหว่างดำเนินการในโครงการขยายโรงไฟฟ้า 3 โครงการ คือ โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน กำลังการผลิต 660 เมกะวัตต์ โครงการพลังความร้อนและไอน้ำร่วม 115 เมกะวัตต์ และ 382 เมกะวัตต์เทียบเท่า โดยโครงการโรงไฟฟ้ากำลังการผลิต 660 เมกะวัตต์ เป็นการร่วมทุนระหว่างกลุ่มบริษัทโกลว์ และบริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) ซึ่งกลุ่มบริษัทโกลว์ถือหุ้นประมาณร้อยละ 65 ในขณะที่โครงการพลังความร้อนร่วม ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง กำลังการผลิต 115 เมกะวัตต์และ โครงการพลังความร้อนร่วม ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง กำลังการผลิต 382 เมกะวัตต์เทียบเท่า ซึ่งเป็นการลงทุนโดยบริษัทโกลว์ พลังงาน ทั้ง 2 โครงการ

ทั้ง 3 โครงการนี้ จะทำให้กลุ่มบริษัทโกลว์มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 50 ภาย ในปี 2554 โดยในปีนี้โกลว์จะมีกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นเนื่องมาจากการเริ่มดำเนินการของ โรงไฟฟ้าถ่านหินพลังความร้อนร่วม กำลังการผลิต 115 เมกะวัตต์ ในส่วนของโครงการโรงไฟฟ้า กำลังการผลิต 382 เมกะวัตต์เทียบเท่า และโครงการโรงไฟฟ้า IPP 660 เมกะวัตต์ ซึ่งมีกำหนดการจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในครึ่งปีหลังของปี 2554 อันจะส่งผลต่อกำไรที่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ โกลว์คาดว่าจะลงทุน ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำในประเทศลาว (Houay Ho Hydro Power Plant) กำลังการผลิต 152 เมกะวัตต์ โดยการซื้อหุ้นจากจีดีเอฟ สุเอซ ในสัดส่วนร้อยละ 67.25 โดยการโอนหุ้นจะเกิดขึ้นภายในไตรมาสแรกของปี 2552

ด้านนายสุทธิวงศ์ คงสิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายการเงินกลุ่มบริษัทโกลว์กล่าวเพิ่มเติมว่า การกู้เงินสำหรับโครงการขยายกำลังการผลิตนี้สามารถดำเนินไปตามแผนที่วางไว้ เราได้ลงนามในสัญญากู้ยืมเงินจำนวน 745 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับโครงการโรงไฟฟ้า IPP แห่งใหม่ ตั้งแต่ ไตรมาส 4 ของปี 2551 และยังได้ลงนามในสัญญากู้ยืมเงินอีก 3 พันล้านบาทสำหรับโครงการขยายธุรกิจผลิตไฟฟ้าและไอน้ำร่วมแล้ว

ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการจัดหาแหล่งเงินทุนอีกจำนวน 5,000 ล้านบาทซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าไปค่อนข้างมากแล้ว ในปัจจุบันด้วยอัตราหนี้สินสุทธิต่อทุนจำนวน 0.85 เท่าของบริษัท เรายังมีสถานะทางการเงินในการระดมทุนที่เพียงพอสำหรับการจัดหาเงินทุนเพิ่มเติมสำหรับปี 2553 และ 2554 จำนวนประมาณ 16,000 ล้านบาท และเรายังคงเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งทางการเงินและฐานการดำเนินธุรกิจของบริษัท"


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ