ที่ประชุมคณะกรรมการ บมจ.การบินไทย(THAI) เห็นชอบแผนฟื้นฟูและแผนบริหารจัดการธุรกิจธุรกิจและการเงิน ซึ่งเน้นการลดค่าใช้จ่าย เพิ่มประสิทธิภาพของรายได้ พร้อมทั้งกำหนดขอการสนับสนุนการเงินประมาณ 2 หมื่นล้านบาทในช่วงปี 52-54 โดยมีเป้าหมายในเบื้องต้นสามารทำกำไรได้ไม่ต่ำกว่า 4 พันล้านบาทในปี 52 หลังลดค่าใช้จ่ายได้ราว 5%
นายสุรชัย ธารสิทธิพงษ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการ THAI กล่าวภายหลังการประชุมว่า คณะกรรมการได้แต่งตั้งคณะผู้บริหารแผนฯ เพื่อจัดทำรายละเอียดตามหลักการที่ได้รับความเห็นชอบ ก่อนนำเสนอต่อกระทรวงคมนาคมและกระทรวงการคลัง ซึ่งคาดว่าจะสามารถนำแผนมาสู่ภาคปฏิบัติได้ในช่วงเดือนเม.ย.นี้
คณะผู้บริหารแผน มีนายพิชัย ชุณหวชิระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน ของบมจ.ปตท.(PTT) ในฐานะบอร์ด THAI เป็นประธาน กรรมการประกอบด้วย นายชัยศักดิ์ อังค์สุวรรณ รองปลัดกระทรวงคมนาคม, นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ผู้อำนวยการ สำนักบริหารนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.),นายวัลลภ พุกกะณะสุต อดีตรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายพาณิชย์ THAI, พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ สังขพงษ์ รักษาการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ THAI และนายโชคชัย ปัญญาวงศ์ ผู้อำนวยกการใหญ่ฝ่ายโครงการสุวรรณภูมิ
"คณะกรรมการจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือนในการทบทวนรายละเอียดแผน และจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อเสนอให้คลังและคมนาคมพิจารณา ก่อนจะนำแผนมาปฏิบัติได้ในเดือน เม.ย."นายสุรชัย กล่าว
แผนงานดังกล่าว แบ่งเป็น ระยะเร่งด่วนในปี 52, ระยะปานกลาง และ ระยะยาว ซึ่งคาดว่าการบินไทยจะได้รับการสนับสนุนการเงินในปี 52-54 ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท เพื่อนำมาใช้เสริมสภาพคล่องและชำระค่าเครื่องบินตามที่ได้ตกลงจัดซื้อไว้ ในด้านการลดค่าใช้จ่ายในปี 52 จะลดลงให้ได้ 5% และเพิ่มเป็นไม่ต่ำกว่า 20% ในปี 54
นอกจากนั้น ในแผนงานจะมีการเพิ่มคุณภาพรายได้พร้อมไปกับการลดรายจ่าย และปรับปรุงเส้นทางบิน รวมทั้ง พิจารณาแนวทางการบริหารจัดการกับเครื่องบินแอร์บัส A340-500 จำนวน 4 ลำ ซึ่งเป็นเครื่องบินพิสัยไกลที่เคยใช้ให้บริการในเส้นทางกรุงเทพ-นิวยอร์กที่ได้ยกเลิกไปแล้ว
นายสุรชัย กล่าวว่า คณะกรรมการจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ โดยจะให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 22 เม.ย.พิจารณาในราวเดียว ส่วนการย้ายเที่ยวบินจากดอนเมืองไปรวมกันที่สุวรรณภูมิตามนโยบาย Single Airport นั้นเป็นเรื่องของความสมัครใจ แต่ผู้บริหารเห็นว่าการกลับไปก็น่าจะลดค่าใช้จ่ายได้ราว 700 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลการพิจารณาของฝ่ายบริหาร ซึ่งหากเป็นส่วนหนึ่งของแผนฟื้นฟูกิจการก็จำเป็นต้องทำ