(เพิ่มเติม) QH เตรียมออกหุ้นกู้ 1.3 พันลบ.มี.ค.นี้,คาดยอดขาย Q1/52 ต่ำกว่า Q1/51

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday February 27, 2009 18:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายรัตน์ พานิชพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH) คาดว่าจะเสนอขายหุ้นกู้จำนวน 1.3 พันล้านบาท อายุไม่เกิน 3 ปี ในช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนมี.ค.52 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการทำ Book Build โดยเม็ดเงินจะนำไปใช้ในการพัฒนาโครงการใหม่ อีกทั้งช่วยลดภาระดอกเบี้ยลงประมาณ 2%

ขณะเดียวกัน คาดว่าในปี 52 บริษัทยังสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นที่ 30% ซึ่งเป็นอัตราที่ใกล้เคียงปีก่อน เนื่องจากในปีนี้ยังให้ความสำคัญในการขายบ้านในระดับไฮเอนด์ที่เฉลี่ยหลังละ 7 ล้านบาท เนื่องจากมีสัดส่วนรายได้คิดเป็น 58%

นายรัตน์ กล่าวว่า บริษัทเชื่อว่าในปีนี้จะสามารถรักษารายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นอัตราที่ใกล้เคียงกับปีก่อน ถึงแม้ในปีนี้บริษัทจะให้ความสำคัญกับการรักษาสภาพคล่องและการพิจารณาการลงทุน รวมทั้งการปรับลดปริมาณและระยะการก่อสร้าง สต็อกบ้านสร้างเสร็จก่อนขาย ซึ่งในส่วนของเม็ดเงินลงทุน 6 พันล้านบาทในปีนี้ถือเป็นงบลงทุนที่ลดลงจากปีก่อน แบ่งเป็นงบก่อสร้าง 5 พันกว่าล้านบาท และงบซื้อที่ดิน 600 ล้านบาท จากปีก่อนที่ใช้ 1 หมื่นล้านบาท

บริษัทมีแผนจะเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ 10 โครงการ มูลค่ารวม 1.4 หมื่นล้านบาท โดยในช่วงเดือน มี.ค.52 จะเปิดโครงการคอนโดมิเนียม 2 โครงการ คือ ที่สาทรและหลังสวน รวมมูลค่า 5.7 พันล้านบาทรับรู้รายได้ในปี 53

นายรัตน์ เปิดเผยว่า แม้ว่ายอดขายใน 2 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.พ.) ปรับตัวลดลง 20% เมื่อเทียบกับช่วง 2 เดือนแรกของปีก่อน เนื่องจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่งผลให้การตัดสินใจในการซื้อบ้านชะลอตามไปด้วย แต่บริษัทยังเชื่อว่ายอดขายในช่วงไตรมาส 1 คงจะทำได้เกิน 1.5 พันล้านบาท ซึ่งลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 2 พันล้านบาท

ในด้านกำไร นายรัตน์ กล่าวว่า ประเมินว่าคงจะเติบโตไม่มากเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งคงต้องดูยอดขายควบคู่กันไป

และ หลังจากปัญหาดังกล่าวบริษัทได้วางแผนโดยการประเมินสถานการณ์และการวางแผนรองรับสิ่งที่เกิดขึ้นทุก 3 เดือน โดยมองว่าภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ปีนี้คงไม่ดีเท่ากับปีก่อนและเชื่อว่าผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ทุกรายจะพยายามและหรือหาวิธีในการประคองตัว โดยเฉพาะการรักษาสภาพคล่อง และไม่คิดว่าจะมีใครลงทุนหรือขยายใหญ่โต หากมีคงเป็นลักษณะการลงทุนต่อเนื่องมากกว่า

"ทุก 3 เดือนเราจะดูว่าจะทำอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น จะได้วางแผนและเดินไปได้ถูก เพราะตอนนี้จะให้ผมประเมินสถานการณ์ก็เร็วเกินไป แม้ยอดขายจะเริ่มกลับมาแต่ยังไม่กล้าที่จะยืนยัน คงต้องดูต่อไป...การรองรับโดยการรักษาสภาพคล่องถือเป็นสิ่งที่อุ่นใจ และตอนนี้เราก็มีกระแสเงินสดที่เพียงพอซึ่งส่วนใหญ่ที่ใช้ก็ใช้วงเงินจากหุ้นกู้ ยังไม่ได้ใช้วงเงินจากแบงก์เลย" นายรัตน์ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ