นายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม รองกรรมการผู้จัดการ บล.เคทีบี กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะอ่อนลงมาเพราะทิศทางซึมมาตั้งแต่สัปดาห์ก่อนแล้ว และต้นสัปดาห์นี้ยังไม่มีปีจจัยอะไรใหม่เข้ามากระตุ้น จะมีบ้างในเรื่องของปันผลแต่โดยหลักคงเป็นทิศทางตามตลาดหุ้นภูมิภาคมากกว่าที่ปรับลงตามดาวโจนส์ค่อนข้างจะแรง โดยล่าสุดร่วง 2-3% ทั้งนั้น ก็น่าจะเป็นตัวฉุดตลาดหุ้นไทยเช่นกัน แต่ก็ต้องดูว่าจะลงแบบไหน ถ้าตลาดวอลุ่มน้อยก็อาจเป็นไปได้ที่ลงแบบซึมๆ แกว่งแคบเหมือนเดิม
อย่างไรก็ตาม วันนี้ถ้าหุ้นพลังงานยืนไม่อยู่ หรือทรุดลงไปก็อาจจะลงแรงขึ้น ให้ดู 427 จุดก่อน ถ้าไม่อยู่จริงค่อยดู 400 จุดแนวรับถัดไป ส่วนแนวต้านมอง 440 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อวานนี้(27 ก.พ.) ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 7,062.93 จุด ลดลง 119.15 จุด(-1.7%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 735.09 จุด ลดลง 17.74 จุด(-2.4%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 1,377.84 จุด ลดลง 13.63 จุด (-1%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 411.95 ล้านบาท (27 ก.พ.)
- ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือน เม.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการเมื่อวานนี้ที่ 44.76 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 0.46 ดอลลาร์
- ปิดฉากการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนแล้ว ประกาศปฏิญญาชะอำ-หัวหิน การจัดตั้งประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน พร้อมแผนดำเนินการช่วงปี 2009-2015 บรรดาผู้นำต่างเห็นพ้องต้องดำเนินนโยบายเชิงรุกและเด็ดขาดในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นกลับคืนมาสู่ภูมิภาค พร้อมใจกระตุ้นเศรษฐกิจระดับมหภาคของแต่ละประเทศให้สอดคล้องกันเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ
- นายกฯ แย้มตัวเลข ศก.ไตรมาสแรก ต้องทำใจ ปัญหาวิกฤตโลกรุมเร้า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอาจติดลบรุนแรง เท่ากับหรือมากกว่าไตรมาสสุดท้ายปี 2551 ที่ติดลบ 4.3%
- นักลงทุนต่างชาติหนี ปปง.หลังกฎหมายฟอกเงินผ่านสภา ระบุบังคับซื้อบ้าน คอนโดมีเนียมหรือโครงการอสังหาฯ เกิน 2 ล้านต้องแจ้งธุรกรรม โบรกเกอร์ชื่อดังเชื่อกฎหมายใหม่ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของไทย ยอมรับฝรั่งกำลังเทขายแบบขาดทุน ขณะที่โครงการพัทยา-สมุยดัมป์ราคา 50% ด้านผลสำรวจสำนักงานสถิติแห่งชาติชี้ปี 52 “ธุรกิจปิโตรเคมี-ยานยนต์-โรงแรม-ภัตตาคาร" ปรับลดคนงานหนีวิกฤตเศรษฐกิจในอีก 6 เดือนข้างหน้า จี้รัฐเร่งสร้างความมั่นใจ
- รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้สรุปมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของต่างประเทศ ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี เพื่อหาช่องทางที่จะดึงเงินเหล่านั้นเข้ามาในไทยให้ได้มากที่สุดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง โดยจะนำเสนอให้ที่ประชุมครม.เศรษฐกิจรับทราบในสัปดาห์นี้ โดยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ มีจำนวนเงินรวมกันประมาณ 1,753,830 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แยกเป็นสหรัฐ 787,000 ล้านดอลลาร์, ญี่ปุ่น 102,000 ล้านดอลลาร์, ยุโรป 256,700 ล้านดอลลาร์, จีน 586,000 ล้านดอลลาร์, สิงคโปร์ 20,500 ล้านดอลลาร์ และมาเลเซีย 1,530 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- แหล่งข่าวจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ธพว.) หรือเอสเอ็มอีแบงก์ เปิดเผยว่า จากมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่อนุมัติกรอบวงเงินกู้ระยะยาวดอกเบี้ยต่ำ หรือซอฟท์โลน สำหรับเอสเอ็มอีจำนวน 5 หมื่นล้านบาท ผ่านทางเอสเอ็มอีแบงก์ จนถึง ขณะนี้ยังไม่มีการอนุมัติสินเชื่อแต่อย่างใด ส่งผลให้ผู้ประกอบการบางส่วนเริ่มประสบปัญหาขาดสภาพคล่องในการประกอบธุรกิจและบางส่วนได้ปิดกิจการไปแล้ว
- แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 3 มีนาคม 2552 กระทรวงคมนาคมจะเสนอให้ที่ประชุม ครม.เห็นชอบการปรับปรุงค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงรังสิต-บางซื่อ ที่อยู่ในความดูแลของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ใหม่ตามภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป โดยกระทรวงการคลังจะดูแลเรื่องการประสานงานกับแหล่งเงินกู้ เช่น องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่น(ไจก้า)ให้ เบื้องต้นจะเสนอให้ ครม.เห็นชอบวงเงินกู้งวดแรก 6.3 หมื่นล้านเยน หรือประมาณ 2 หมื่นล้านบาท เพื่อนำมาใช้ในงานด้านโครงสร้างพื้นฐานงานโยธาต่างๆ
- คลังเล็งรีดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเพิ่มอีก 50 สตางค์ต่อลิตร ทั้งแก๊สโซฮอล์และดีเซลก่อนชนเพดาน พร้อมเตรียมขยายเพิ่มอีกตามโครงสร้างใหม่ทั้ง 21 รายการส่วนแผนลดภาษีรถยนต์3% ส่อแห้วเหตุรัฐสูญ 1 หมื่นล้านต่อปี
- นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คาดการณ์ว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในปีนี้ เพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หลังจากประเทศไทยเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี และอัตราว่างงานที่พุ่งขึ้นแตะระดับ 1 ล้านตำแหน่ง