บมจ.เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ (SNC) คาดว่าปี 52 รายได้ของบริษัทจะเติบโตอย่างน้อย 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 4 พันล้านบาท เนื่องจากมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องจนถึงสิ้นปีนี้แล้ว โดยส่วนใหญ่เป็นงาน OEM ขณะที่ในด้านของกำไรสุทธิน่าจะเติบโตได้ถึง 40% จากปีก่อนที่มีกำไร 99 ล้านบาท เนื่องจากคาดว่าในปีนี้จะไม่มีผลขาดทุนจากสต็อกทองแดงเหมือนกับที่เกิดขึ้นในปี 51 สูงถึง 32 ล้านบาท
นายสมชัย ไทยสงวนวรกุล ประธานกรรมการบริหาร SNC คาดว่า รายได้ของบริษัทในปีนี้จะเติบโตมาที่ 4.8 พันล้านบาท มาจากธุรกิจแอร์ภายในอาคารหรือแอร์บ้านจำนวน 4.5-4.6 พันล้านบาท ส่วนแอร์รถยนต์คาดว่าจะทำรายได้ประมาณ 200 ล้านบาท โดยบริษัทจะมีการส่งออกแอร์บ้านประมาณกว่า 200 ล้านบาท หรือเติบโต 100% จากปีที่แล้ว
ขณะนี้บริษัทมียอดคำสั่งซื้อจากลูกค้า ทั้งฟูจิตสึและแอลจี รวมถึงแบรนด์ต่างประเทศอีก 6 แบรนด์ที่จะทยอยส่งมอบไปจนถึงสิ้นปีนี้ ขณะเดียวกัน ในเดือน มี.ค.และ เม.ย.ก็จะมีลูกค้าอีกประมาณ 3 รายทั้งจากญี่ปุ่นและยุโรปเข้ามาประเมินโรงงานในด้านสายการผลิตและมีโอกาสที่บริษัทจะได้ออร์เดอร์จากลูกค้ารายใหม่เหล่านี้ ซึ่งอาจจะทำให้รายได้ของบริษัทเพิ่มมากกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีกำไรเพิ่มขึ้น 40% จากปีที่แล้ว 99 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้มีการลดต้นทุนการผลิต โดยในส่วนของการผลิตแอร์บ้าน บริษัทได้รับการผลิตสินค้าสำเร็จรูป OEM ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงสินค้าสำเร็จรูป ซึ่งสินค้า OEM ปีนี้มียอดขายเติบโตประมาณ 30% หลังจากบริษัทเข้ามาผลิตต้นน้ำ เช่น งานขึ้นรูปโลหะ และงานระบายความร้อนจะทำให้มาร์จิ้นของการผลิตแอร์บ้านสูงขึ้น
"เราประเมินอย่างแย่ที่สุดแล้วว่า รายได้เราจะโต 20% และกำไรเราจะโต 40% ปีนี้เราจะทำ OEM ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ" นายสมชัย กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทได้มีการปรับโครงสร้างองค์กร ด้วยการปรับลดพนักงานให้เหมาะสมกับงานที่มีอยู่ และรวมถึงได้เพิ่มอำนาจต่อรองในการซื้อวัตถุดิบ ทำให้สามารถตลดต้นทุนในการผลิตได้
นายสมชัย กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีการใช้กำลังผลิตประมาณกว่า 40% ของกำลังการผลิตทั้งหมดที่ประมาณ 3 ล้านยูนิต คาดว่ากำลังการผลิตที่เหลืออีกว่า 50% จะสามารถรองรับออร์เดอร์จากลูกค้าใหม่ดังกล่าว
นอกจากนี้ บริษัทกำลังพิจารณาว่าหากครบกำหนดโครงการซื้อหุ้นคืนในเดือน มิ.ย.52 แล้ว บริษัทยังไม่สามารถซื้อหุ้นคืนได้ครบทั้งจำนวน 175 ล้านบาท บริษัทจะเสนอคณะกรรมการบริษัทให้นำเงินสดในมือมาจ่ายเงินปันผลพิเศษตามที่ผู้ถือหุ้นเรียกร้อง ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสดราว 900 ล้านบาท
ส่วนผลประกอบการในไตรมาส 1/52 คาดว่าจะมีกำไรต่ำกว่าไตรมาส 1/51 ที่มีกำไร 66 ล้านบาท เนื่องจากในปีที่แล้วบริษัทมีกำไรจากการผลิตแอร์รถยนต์ให้กำไรดีพอสมควร แต่ปีนี้กำลังการผลิตของการผลิตแอร์รถยนต์หายไปจากการที่ยอดผลิตและยอดขายลดลงไปกว่า 50% ในปีนี้ตามอุตสาหกรรมรถยนต์