บมจ.ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส(UMS) เตรียมแผนรับมือผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลต่อผู้ประกอบการในประเทศ ด้วยการเน้นบริหารต้นทุนการผลิตและรักษาปริมาณขายไม่ให้ต่ำกว่าปีก่อน พร้อมกับ ลดค่าใช้จ่าย และหารายได้เสริม รวมทั้ง มองหาแหล่งรายได้ใหม่ ๆ อย่างการลงทุนเหมืองถ่านหิน หรือการทำธุรกิจส่งออกสินแร่ ก่อนที่คาดว่าธุรกิจจะพลิกฟื้นมาโตเท่าตัวได้ในปี 53 หากเศรษฐกิจพลิกฟื้นในไตรมาส 3-4 ปี 52
UMS ตั้งเป้าหมายปริมาณขายไว้ไม่ต่ำกว่าปีก่อนที่มี 1.4-1.5 ล้านตัน แม้ว่าเศรษฐกิจจะหดตัวในปีนี้ แต่ยอมรับในแง่เลวร้ายสุดก็ยังมีกำไรในปีนี้แม้ว่าจะลดลงจากปีก่อน เนื่องจากมีการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจเทรดดิ้งถ่านหิน และราคาเฉลี่ยมีแนวโน้มอยู่ที่ 2.5-3.0 พันบาท/ตัน ลดลงจาก 3.0-3.5 พันบาท/ตันในปี 51
อนึ่ง UMS แจ้งกำไรปี 51 เท่ากับ 402.94 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 2.72 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่กำไร 360.95 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 2.58 บาท พร้อมยืนยันนโยบายการจ่ายเงินปันผลปี 52 ไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ โดยในงวดปี 51 บริษัทจ่ายเงินปันผลในอัตรา 47-48% ของกำไรสุทธิ
สำหรับการลงทุนเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียคาดว่าจะสรุปได้ปลายปีนี้และจะลงทุนปี 53 เบื้องต้นตั้งงบลงทุนไว้ไม่เกิน 1 พันล้านบาท และคาดว่าจะมีผลตอบแทนการลงทุน (IRR) ไม่ต่ำกว่า 30% ภายใน 2-3 ปี