นายอดิศร ธนนันท์นราพูล กรรมการและรองกรรมการ บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LH) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 15,450 ล้านบาท หรือขยายตัว 1.2% จากปีก่อนที่มียอดขาย 15,410 ล้านบาท จากการเปิดโครงการ 12 โครงการ รวมมูลค่า 16,389 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการบ้านเดี่ยว 7 โครงการ โครงการทาวน์เฮ้าส์ 4 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียม 1 โครงการ
ปีนี้บริษัทเชื่อว่ายังสามารถเติบโตได้ แต่อาจจะเติบโตในอัตราที่ลดลง เนื่องจากตลาดที่อยู่อาศัยในปีนี้เป็นตลาดที่เกิดจากความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภค ซึ่งแนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยชะลอตัวลงจากปีก่อน 10-15% โดยคอนโดมิเนียมมีแนวโน้มชะลอตัวสูงสุด 30% ทาวน์เฮาส์ชะลอตัว 10% แต่ในแง่ของบ้านเดี่ยวจะชะลอเพียงเล็กน้อย 3-5% เพราะมองว่าบ้านที่จดทะเบียนใหม่ในปีนี้จะมีเพียง 7 หมื่นหน่วย
"ปีนี้รายได้หลักๆ จะมาจากคอนโดมีเนียมและทาวน์เฮ้าส์มากกว่าบ่านเดี่ยวที่ประเมินว่ายอดขายบ้านเดี่ยวปีนี้จะลดลงบ้างเล็กน้อย ในส่วนของคอนโดฯยังมียอดขายที่เหลือจากปีก่อนบางส่วนเข้ามาในปีนี้ รวมทั้งโครงการใหม่ที่จะเปิดใหม่มีมูลค่าที่มากขึ้นกว่าปีก่อน"นายอดิศร กล่าว
ขณะที่กำไรยอมรับว่าประเมินยาก เพราะต้องประเมินจากกำไรขั้นต้นและค่าใช้จ่าย ซึ่งในปีก่อนบริษัทมีกำไรจากที่เข้าไปลงทุนในบริษัทย่อย 1,000 ล้านบาท หรือได้กำไรมา 30% ของกำไรสุทธิทั้งหมด และในปี้นี้กึคาดว่าเม็ดเงินการลงทุนในบริษัทย่อยคาดว่าจะใกล้เคียงหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อน
"ในปีนี้สิ่งที่สำคัญคือการคอนโทรล cash flow หรือการเช็คดีมานด์ให้ดี ซึ่งในเดือนม.ค.ยอดขายหดไปถึง 25% แต่เดือนก.พ.เริ่มปรับตัวดีขึ้น และหากให้ประเมินเราก็เชื่อว่ายังโตได้แม้ปัจจัยต่างๆจะมีอิทธิพล แต่ดีที่เรามีการลงทุนในบริษัทย่อยทำให้เราสามารถเพิ่มกำไรและในปีนี้ก็คงมาจากส่วนนี้อีก"นายอดิศร กล่าว
ทั้งนี้ จากปัญหาดังกล่าวทำให้บริษัทควบคุมความเสี่ยงโดยเฉพาะการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นหรือใช้ให้น้อยที่สุด ซึ่งจะสอดคล้องกับงบการตลาดในปีนี้ที่จะลดลงจากปีก่อนมาอยู่ที่ 300 ล้านบาท จาก 350 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามความเสี่ยงที่เกิดขึ้นยังไม่น่ากังวล เพราะบริษัทมีกระแสเงินสด 1.2 พันล้านบาท และยังมีหุ้นกู้เดิมที่จะครบดีลอีก 1.5 พันล้านบาทในเดือนเม.ย.รวมทั้งยังมีวงเงินที่สามารถกู้แบงก์ได้ทำให้รองรับสภาพคล่องในปีนี้ได้ ส่วนการออกหุ้นกู้ถือเป็นการรองรับสภาพคล่องในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีปัจจัยเข้ามากระทบ แต่ LH ยังวางแผนการลงทุนในปี 52 ไว้จำนวน 3 พันล้านบาทเพื่อใช้จัดซื้อที่ดินลดลงจากปีก่อนที่ใช้ 3.8 พันล้านบาท และอีกประมาณ 300 ล้านบาทสำหรับการลงทุนด้านอื่นๆ ขณะเดียวกันยังได้วางแผนที่จะออกหุ้นกู้วงเงินประมาณ 3 พันล้านบาท อย่างเร็วในช่วงปลายปี 52 หรือต้นปี 53