นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้า นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะเชิญตัวแทนจากบริษัทหลักทรัพย์หาหารือถึงแนวทางการช่วยเหลือหลังจากปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ปรับลดลงมาก ซึ่งส่งผลต่อสภาพคล่องของแต่ละบริษัท
แนวทางดังกล่าวถือเป็นการแก้ปัญหาจากปัจจัยกระทบต่างๆ แต่ช่วงที่วอลุ่มตลาดฯ ปรับลดลง โบรกเกอร์ควรหาแหล่งรายได้หรือธุรกิจเสริมก่อนที่ภาวะการลงทุนจะกลับมาปกติ ซึ่งปัจจุบันก็มีตลาดตราสารอนุพันธ์ หรือการลงทุนในหุ้นกู้ก็มีผลตอบแทนที่น่าพอใจ
"ตอนนี้เป็นภาวะที่ทุกประเทศได้รับผลกระทบจากปัจจัย ทุกคนก็ชะลอการลงทุน ไม่มีใครอยากจะซื้อหรือขาย ดังนั้นเราควรจะดูแลโบรกเกอร์เท่าที่ทำได้ และการหารือครั้งนี้เราก็จะได้รู้ว่าสิ่งไหนที่โบรกเกอร์ติดขัดด้านการลงทุนและอยากให้ตลาดหลักทรัพย์ฯช่วย อีกทั้งการหารือครั้งนี้เป็นการเทคแคร์อุตสาหกรรม มีอะไรที่เราช่วนยกันได้ก็ต้องทำ"นางภัทรียา กล่าว
นางภัทรียา กล่าวว่า ภาวะการปรับตัวของตลาดหุ้นอย่างที่เป็นอยู่ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะประเทศไทย แต่เกิดขึ้นเกือบทั้งภูมิภาค ในระยะนี้ปริมาณการซื้อขายลดลงครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับปีก่อน ทุกคนควรเร่งสร้างความเชื่อมั่น แต่ก็อยู่ที่ภาวะของตลาดทั่วโลกด้วยเช่นกัน โดยมองว่าตลาดอนุพันธ์เติบโตอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน 60% มีสภาพคล่อง และต่างประเทศก็หันมาให้ความสำคัญกับการลงทุนในตราสารอนุพันธ์
นางภัทรียา กล่าวถึงกรณีใบหุ้นปลอมของ บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย(SCC)นั้น ทาง TSD ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้เข้าร่วมกับทางบริษัทในการสืบหาข้อเท็จจริง แต่ก็ต้องอาศัยเวลาและหลักฐานข้อมูล ซึ่งทุกฝ่ายพยายามเร่งและดูแลกระบวนการต่างๆ ให้ครบถ้วน
นอกจากนี้ ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมนี้ แผนพัฒนาตลาดทุนน่าจะชัดเจน หลังจากก่อนหน้านี้ที่ได้เสนอ 7 แนวทางให้กระทรวงคลังพิจารณา ไม่ว่าจะเป็นแนงทางการแปรรูปองค์กรตลาด, การเปิดเสรีภาคธุรกิจ, การปรับปรุงกฎเกณฑ์และกฎระเบียบการประกอบธุรกิจตลาดทุน, ภาษีที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุน ซึ่งแนวทางเหล่านี้เป็นแผนระยะยาว 5 ปี