UV เพิ่มสัดส่วนรายได้อสังหาฯ แทนสังกะสี คาดรายได้ปี 52 ใกล้เคียงปี 51

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 3, 2009 12:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางอรฤดี ณ ระนอง ประธานอำนวยการ บมจ. ยูนิเวนเจอร์ (UV) บริษัทวางทิศทางการดำเนินธุรกิจโดยจะเน้นการสร้างรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เข้ามาแทนที่รายได้จากธุรกิจสังกะสี โดยคาดว่าปี 52 รายได้จากอสังหาริมทรัพย์จะคิดเป็นสัดส่วน 50% ของรายได้รวม และจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นเป็น 80% ในปี 2555

ส่วนรายได้จากสังกะสีออกไซค์ จากที่ทำรายได้ให้บริษัทคิดเป็นสัดส่วน 84% แต่ในปี 52 จะลดลงเหลือเพียง 40% และเหลือ 15% ในปี 2555 ส่วนที่เหลือเป็นรายได้อื่นๆ

ทั้งนี้ เนื่องจากแนวโน้มราคาสังกะสีออกไซค์ในตลาดโลกปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องโดยล่าสุดอยู่ที่ 1,100-1,200 เหรียญต่อเมตริกตันจาก 3,300 เหรียญต่อเมตริกตันและ 1,800 เหรียญต่อเมตริกตัน ในปี 50 และปี 51 ตามลำดับ

"เราคาดว่าราคาเฉลี่ยปีนี้ก็คงไม่ต่างไปจากนี้มากนัก เพราะภาวะเศรษฐกิจโลก"นางอรฤดี กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทประมาณการรายได้ปี 52 น่าจะยังทำได้ใกล้เคียงกับปี 51 ที่ 1,100 ล้านบาท เพราะแม้สังกะสีออกไซค์จะทำรายได้ลดลงประมาณ 30-40% แต่บริษัทก็จะมีรายได้จากโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาทั้งหมด 6 โครงการ ไม่ว่าจะเป็นโครงการ ยู สบาย ภายใต้การบริหารของ บมจ. แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ ประมาณ 450 ล้านบาท โครงการบ้านเดี่ยวที่บริหารโดย บริษัท ปริญเวนเจอร์ จำกัด ประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งทั้งสองโครงการจะที่จะรับรู้เข้ามาในปีนี้ซึ่งจะมาชดเชยรายได้ที่หายไป

นอกจากนี้ บริษัทยังมีโครงการคอนโดมิเนียมใหม่จำนวน 2-3 โครงการ มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท คาดจะสามารถได้เห็นประมาณปลายไตรมาส 2-ไตรมาส 3 ปีนี้ รวมทั้งจะเข้าซื้อโครงการที่ประสบปัญหาด้านการเงินจำนวน 2-3 โครงการ ตั้งงบลงทุน 2,500 ล้านบาท

รวมทั้งยังมองหาสินทรัพยท์ที่เป็น NPL และ NPA ซึ่งผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลก ทำให้สินค้าในตลาดมีเยอะมาก มีทั้งที่เป็นโรงแรม อาคารสำนักงาน และเรสซิเดนท์เชียล ซึ่งถ้ามีราคาดี สินค้ามีคุณภาพ อยู่ในทำเลที่ตั้งที่ดีก็พร้อมจะเข้าลงทุน

ทั้งนี้ การเข้าลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทจะต้องให้ผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ไม่น้อยกว่า 20% หรือถ้ไม่ก็ให้อัตรากำไรขั้นต้น ประมาณ 20% แต่ถ้าเป็นอัตรากำไรสุทธิ เพียงแค่ 10% ก็น่าลงทุนแล้ว ซึ่งถ้าเป็นโครงการประเภทซื้อมาขายไปจะต้องคืนทุนภายในระยะเวลา 1-1 ปีครึ่ง แต่ถ้าเป็นโครงการที่เป็นอาคารสำนักงานก็จะต้องอยู่ในระยะเวลาประมาณ 8-9 ปี

ด้าน นายธนพล ศิริธนชัย กรรมการผู้จัดการ UV กล่าวว่า ความต้องการที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมยังมีอย่างต่อ เนื่อง ส่วนโครงการของบริษัทจะมีราคาอยู่ที่ 40,000-80,000 บาท/ตร.ม. เน้นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นคนรุ่นใหม่เพิ่งทำงาน ระดับรายได้ 25,000-50,000 บาท และไม่ได้รับผลกระทบจากการเลิกจ้างงานมากนัก เพราะส่วนใหญ่ผู้ที่ถูกเลิกจ้างส่วนใหญ่เป็นกลุ่มแรงงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ