บมจ.บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์(BIGC)คาดยอดขายปี 52 จะเติบโตราว 6-10% จากปีก่อนที่มียอดขาย 6.7 หมื่นล้านบาท ขณะที่เตรียมงบลงทุนราว 1 พันกว่าล้านบาท เพื่อขยายสาขาใหม่และปรับปรุงสาขาเดิม
โดยปีนี้เปิดสาขาใหม่อย่างน้อย 1 สาขา ที่จ.ศรีสะเกษ ในเดือนเม.ย. ด้วยเงินลงทุน 350 ล้านบาท และรอประเมินสภานการณ์ภาพรวม แต่หากเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังดีขึ้น ก็อาจจะเพิ่มเป็น 3-4 สาขา อย่างไรก็ตาม การลงทุนก็ต้องคุ้มค่าที่ให้ผลตอบแทนไม่น้อยกว่าทีผ่านมา ซึ่งมีผลตอบแทนจากการลงทุน 13.8%
"ภาวะเศรษฐกิจยังไม่แน่นอน เราได้รับนโยบายให้ระมัดระวังเรื่องการลงทุน ตอนนี้เราก็ยังไม่รู้ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร แต่เรามีเงินสดเยอะ ...ถ้าเศรษฐกิจดี คิดว่าจะเปิด 3-4 สาขา จะ Review ตลาดว่าเป็นอย่างไร ถ้าเปิดแล้วก็จะต้องได้ผลตอบแทนจากการลบงทุนให้คุ้มค่าที่สุด" น.ส.รำภา คำหอมรื่น รองประธานฝ่ายบัญชี และการเงิน BIGC กล่าว
ทั้งนี้ ในปี 51 บริษัทขยายสาขาใหม่ถึง 12 สาขาใช้เงินลงทุน 5 พันล้านบาท ทำให้จำนวนสาขาสิ้นปี 51 มีจำนวน 66 สาขา ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ยอดขายปี 51 เติบโต 9.2% เป็น 9.7 หมื่นล้านบาท และสิ้นปี 51 บริษัทมีเงินสดอยู่กว่า 1 พันล้านบาท
น.ส.รำภา กล่าวว่า แม้ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวมาก แต่บริษัทจะพยายามรักษาการเติบโตของกำไรจากการดำเนินงานไม่ให้ต่ำกว่าปีก่อนที่เติบโต 5.9% และรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ใกล้เคียงปีก่อนที่ระดับ 17.6%
ส่วนกำไรสุทธิ ไม่แน่ใจว่าจะเติบโตเท่ากับปีที่แล้วที่เติบโต 14% เป็น 2.85 พันล้านบาท เนื่องจากปี 51 บริษัทได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการขยายการลงทุนทำให้เสียภาษีน้อยลง แต่ในปีนี้จำนวนสาขาใหม่น้อยกว่าปีก่อนสิทธิประโยชน์ทางภาษีก็ลดลง และควบคุมต้นทุนการบริหารและดำเนินงาน โดยเฉพาะด้านขนส่ง ระบบโลจิสติกส์ และต้นทุนในส่วนซัพพลายเชน
นอกจากนี้ เชื่อว่ายอดใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้น 1-2% จากปี 51 ที่มียอดใช้จ่ายเฉลี่ย 560 บาท/คน/เดือน
สำหรับในไตรมาส 1/52 ยอดขายคาดว่าโตขึ้นจากไตรมาส 1/51 เนื่องจากบริษัทออกแคมเปญมาก เพื่อกระตุ้นยอดขาย และจากจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้น
ด่านน.ส.จริยา จิราธิวัฒน์ รองประธานฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร BIGC กล่าวว่า ในปี 52 บริษัทยังเน้นกลยุทธ์ด้านราคา ซึ่งเป็นจุดแข็งของบริษัท และยังให้ความสำคัญกับสินค้าเฮ้าส์แบรนด์มากขึ้น โดยปีนี้จะเพิ่มสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ตรา"บิ๊กซี" เป็น 1,000 รายการจาก 828 รายการ โดยเฉพาะสินค้าตรา"แฮปปี้บาท" ซึ่งเปิดต้วเมื่อต้นปี 52 เป็นสินค้าราคาประหยัดซึ่งราคาถูกกว่าสินค้าทั่วไป ประมาณ 40% จะเพิ่มรายการสินค้าเป็น 200 รายการภายในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันที่มี 73 รายการ
ทั้งนี้บริษัทได้ตั้งงบการตลาดประมาณ 6% ของยอดขาย เท่ากับปีก่อน เพื่อกระตุ้นยอดขายต่อไป ขณะที่บริษัทจะใช้งบประมาณ 20 ล้านบาท ในการพัฒนาสินค้าเฮ้าส์แบรนด์
"ในปีนี้แม้ภาวะเศรษฐกิจจะชะลอตัว แต่บิ๊กซียังคงจัดเตรียมงบการตลาดในจำนวนที่ไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา เพื่อจัดกิจกรรมการตลาดและโปรโมชั่นลดราคาสินค้ากระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันยอดขายเติบโตอย่างน้อย 6-10%"น.ส.จริยา กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทได้เตรียมแคมเปญรับกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ให้เงิน 2 พันบาทกับผู้มีรายได้น้อย ที่คาดว่าจะได้รับเงินในปลายเดือนมี.ค.นี้ โดยจะเน้นให้ใช้ได้สะดวกขึ้นและให้มูลค่าการใช้จ่ายมากกว่า 2 พันบาท