นายชเนศวร์ เพ็ญชาติ กรรมการผู้จัดการ บมจ.จุฑานาวี(JUTHA)คาดว่า ในปี 52 จะมีรายได้ประมาณ 800 ล้านบาทจากปีก่อนที่มีรายได้ 680 ล้านบาท ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นของรายได้จะมาจากการที่บริษัทรับมอบเรือ 1 ลำในช่วงเดือนก.ย.ปีนี้ ประกอบกับค่าระวางเรือในส่วนของเช่าเหมาลำจะมีทิศทางที่ดีขึ้น อิงตามดัชนี BDI โดยคาดว่าปี 52 ดัชนี BDI น่าจะอยู่สูงกว่า 2000 จุด
จากการที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าส่งผลดีต่อบริษัทที่ประเมินว่าค่าเงินบาทจะอยู่ที่ 35.50 บาท ซึ่งปัจจุบันค่าเงินบาทอยู่ที่ 36 บาท แต่อย่างไรก็ตามบริษัทมีหนี้สินที่เป็นสกุลดอลล่าร์สหรัฐด้วย
ส่วนค่าใช้จ่ายปี 52 คาดว่าจะปรับตัวลดลงจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 4 พันเหรียญฯ/วัน/ลำ จากปีก่อนที่อยู่ที่ 5 พันเหรียญฯ/วัน/ลำ เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวลดลง ซึ่งถือเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยให้ค่าใช้จ่ายลดลง
แม้ว่าค่าระวางเรือในส่วนประจำเส้นทาง (Liner) จะมีทิศทางปรับตัวลดลงเหลือประมาณ 1 หมื่นเหรียญฯ/วัน/ลำ จากปีก่อน 1.5 หมื่นเหรียญฯ/วัน/ลำ ก็ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อรายได้ เนื่องจากมีเรือ Liner แค่ 2 ลำ และเรือเช่าเหมา 5 ลำ
สำหรับเรือที่บริษัทต่อใหม่ในปีนี้จำนวน 1 ลำ ขนาด 1.2 หมื่นเดทเวทตัน ใช้งบอยู่ที่ 700 ล้านบาท โดยบริษัทชำระเงินแล้ว 40% ซึ่งเหลือสัดส่วนอีก 60% ซึ่งแบ่งจ่ายเป็นเดือนมิถุนายน 30% และเดือนกันยายน 30% โดยการที่มีเรือใหม่จะทำให้กองเรือเพิ่มเป็น 8 ลำ อายุเฉลี่ยลดลงจาก 16 ปีเป็น 15 ปี
อย่างไรก็ตาม แม้ภาวะเศรษฐกิจจะชะลอตัวลง ซึ่งส่งผลกระทบทำให้ดีมานด์ลดลงตาม แต่บริษัทมีเรือขนาดเล็ก 8-9 พันเดทเวทตัน ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของได้ดีกว่าเรือขนาดใหญ่ ประกอบกับบริษัทมีลูกค้าที่เป็นผลิตภัณฑ์ด้านสินค้าเกษตรและยังมีคำสั่งซื้อต่อเนื่องในช่วงต้นปี 2552 มีทิศทางที่เติบโตต่อเนื่อง
"ปี 51 บริษัทมีกำไรแต่ไม่มีการจ่ายปันผลเพราะเราต้องเตรียมสภาพคล่อง และยังกำหนดการจ่ายค่าเรือใหม่อีกปีนี้ การใช้จ่ายก็ระมัดระวังอย่างมาก เพื่อรักษาเก็บเงินสดไว้รองรับเศรษฐกิจที่ยังคงผันผวน และต้องรอประเมินภาวะเศรษฐกิจเพื่อปรับแผนธุรกิจอีกครั้งในไตรมาส 3 ปีนี้อีกครั้ง" นายชเนศวร์ กล่าว