นายอธิป พีชานนท์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. ศุภาลัย (SPALI) เปิดเผยว่า ยอดขายของบริษัทในช่วง 2 เดือนแรกของปี 52 อยู่ที่ 1,369 ล้านบาท ลดลง 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 1,548 ล้านบาท ซึ่งเป็นตามภาพรวมเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทลจากภาวะวิกฤติในต่างประเทศ
"ยอดขายที่ลดลงในเดือน ม.ค.ทำให้ประเมินว่ายอดขายในช่วงไตรมาส 1 อาจจะลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มียอดขายกว่า 2.5 พันล้านบาท" นายอธิป กล่าว
แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทมีมูลค่ายอดขายรอโอน(Backlog)ถึง 14,152 ล้านบาทที่จะทยอยรับรู้รายได้ในช่วง 3 ปี โดยจะรับรู้ในปีนี้ 5,919 ล้านบาท, ปี 53 จำนวน 5,415 ล้านบาท และปี 54 จำนวน 2,817 ล้านบาท รวมทั้งการเปิดโครงการใหม่ ทำให้เชื่อว่าความสามารถในการทำยอดขายปีนี้ยังเป็นไปตามเป้าหมายที่ 1 หมื่นล้านบาท
นายอธิป กล่าวว่า ในส่วนของอัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิ้น)เชื่อว่าปีนี้น่าจะปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 40% จากปีก่อนอยู่ในระดับ 38-39% เนื่องจากในช่วงไตรมาส 2/52 บริษัทจะรับรู้รายได้จาก 2 โครงการสำคัญ คือ ศุภาลัย ริเวอร์เพลส และศุภาลัย ปาร์ค ศรีนครินทร์ มูลค่ารวมกว่า 4 พันล้านบาท ซึ่งมีมาร์จิ้นมากกว่า 40%
"การที่มาร์จิ้นในปีนี้ดี ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีในการกลับมาของมาร์จิ้น ที่ในปี 46 ที่มาร์จิ้นเคยปรับตัวขึ้นไปสูงถึง 46%"นายอธิป กล่าว
นายอธิป กล่าวต่อว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนทำให้บริษัทมีแผนปรับสัดส่วนรายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมลดลงมาอยู่ที่ 52% ในปีนี้จากปีก่อนที่ 66% เพราะมองว่าความต้องการคอนโดฯจะลดลงจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลง บอกกับความยากในการขอใบอนุญาตจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม ทำให้มองว่าการเปิดตัวคอนโดฯในตลาดรวมก็จะลดลง สอดคล้องกับแผนการเปิดโครงการของศุภาลัยในปีนี้ที่จะเป็นแนวราบ 7 โครงการ จากทั้งหมด 11 โครงการในปีนี้ รวมมูลค่ากว่า 1.4 หมื่นล้านบาท
"การเปิดโครงการในปีนี้เราคงหันมาเน้นที่บ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ เพราะเราเห็นสัญญาณของคอนโดฯ ที่ลดลง แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะไม่พัฒนาโครงการคอนโดฯ เลย ขณะที่สต็อคบ้านสร้างเสร็จเรามีอยู่ 3 พันกว่าล้าน เป็นแนวราบ 1.7 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นแนวสูง เชื่อว่าจะระบายได้ไม่ยาก ยอมรับว่ามีบางทำเลที่ปิดได้ช้ากว่าที่เราคิด เราก็อยู่ระหว่างคิดว่าอาจจะมีการลดราคา"นายอธิป กล่าว
ในส่วนหุ้นกู้ที่จะครบอายุไถ่ถอนในเดือน ก.ย.52 จำนวน 1 พันล้านบาท จะส่งผลให้ D/E ของเราปรับลดลงจากปัจจุบันที่ 1.6 เท่า แต่การปรับลดลงนั้นคงจะไปเห็นในปี 53 มากกว่า เพราะปีนี้ยังมีค่าใช้จ่ายจากการพัฒนาโครงการคอนโดฯ