ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กวิตกศก.ถดถอยฉุดดาวโจนส์ลบ 37.27 จุด ขณะ S&P 500 ดิ่งหลุดระดับ 700 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 4, 2009 06:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงต่อเมื่อคืนนี้ (3 มี.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P 500 ร่วงหลุดจากระดับ 700 จุดเป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปี เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าภาวะเศรษฐกิจสหรัฐจะยังไม่ฟื้นตัวขึ้นในเร็วๆนี้ หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและยอดการทำสัญญาซื้อบ้านที่ดิ่งลงอย่างหนัก

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 37.27 จุด หรือ 0.55% แตะที่ 6,726.02 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 4.49 จุด หรือ 0.64% แตะที่ 696.33 จุด ซึ่งเป็นการร่วงลงต่ำกว่าระดับ 700 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปีพ.ศ.2539 และดัชนี Nasdaq ปิดลบ 1.84 จุด หรือ 0.14% แตะที่ 1,321.01 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.90 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.44 พันล้านหุ้น

โจ ซาลุสซี นัวกิเคราะห์จาก Themis Trading LLC กล่าวว่า "นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงวิตกกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอยนับตั้งแต่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4 ปี 2551 หดตัวลง 6.2%ต่อปี ซึ่งเป็นสถิติที่หดตัวรุนแรงสุดในรอบ 27 ปี"

ส่วนเมื่อคืนนี้ โพลล์ ABC News เผยผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงแตะระดับ -49 จุด ในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 1 มี.ค. จากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ -48 จุด ขณะที่สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ในเดือนม.ค.ร่วงลงอ 7.7% เหลือเพียง 80.4 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ NAR เริ่มเก็บข้อมูลในปีพ.ศ.2544

"กระแสความวิตกกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงขึ้นเมื่อนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวต่อสภาคองเกรสเมื่อคืนว่า เศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้หรือไม่นั้นจะขึ้นอยู่กับความสามารถของรัฐบาลในการรักษาเสถียรภาพตลาดการเงิน ซึ่งข่าวดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นอย่างต่อเนื่อง และฉุดดัชนี S&P 500 ดิ่งลงหลุดจากระดับ 700 จุดเป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปี" ซาลุสซีกล่าว

การแสดงความคิดเห็นของเบอร์นันเก้มีขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่เฟดประกาศว่าจะเริ่มปล่อยวงเงินกู้ 2 แสนล้านดอลลาร์ในเบื้องต้น เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายผู้บริโภคและช่วยเหลือบริษัทขนาดเล็กที่ทำธุรกิจปล่อยกู้เพื่อซื้อรถยนต์, การศึกษา เครดิตการ์ด และการใช้จ่ายด้านอื่นๆ

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกหลังจากวอร์เรน บัฟเฟตต์ เจ้าของบริษัทเบิร์คเชียร์ แฮทธาเวย์ อิงค์ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐ จะตกอยู่ในภาวะ "ระส่ำระสาย" ตลอดทั้งปีนี้ เนื่องจากสถาบันการเงินขาดทุนอย่างหนัก ซึ่งเป็นผลมาจากการปล่อยเงินกู้แบบขาดวินัยในช่วงที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์เฟื่องฟู

นักลงทุนยังคงวิตกกังวลต่อข่าวที่ว่าบริษัท อเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป (เอไอจี) ขาดทุน 6.17 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 4 ปี 2551 ซึ่งเป็นตัวเลขขาดทุนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จนทำให้รัฐบาลสหรัฐต้องอัดฉีดเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมอีก 3 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 3 ที่รัฐบาลยื่นมือเข้ามาพยุงบริษัทให้รอดพ้นจากวิกฤติ

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันหลังจากบริษัท เบิร์คเชียร์ แฮทธาเวย์ อิงค์ ของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ประกาศปลดพนักงานด้านการผลิตและปิดโรงงานหลายแห่งเพราะถูกกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังจากผลประกอบการของเบิร์คเชียร์ปี 2551 ร่วงลงรุนแรงสุดเป็นประวัติการณ์

ดัชนี S&P หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง 1.6% โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ปิดลบ 4.5% และหุ้นพีเอ็นซี ไฟแนนเชียล เซอร์วิเซส ปิดร่วงลง 5% ส่วนหุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรสปิดบวก 6.9% หลังจากรัฐบาลสหรัฐเปิดเผยรายละเอียดโครงการที่จะสร้างเสถียรภาพในระบบการเงิน



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ