(เพิ่มเติม) TICON เลื่อนขาย TFUND เป็น Q3/52 กังวลรายได้ลดหากขายไม่ได้ตามจำนวน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 4, 2009 11:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวีรพันธ์ พูลเกษ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น (TICON) ยอมรับว่า TICON มีความกังวลในการขายกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน (TFUND) จำนวน 2.5 พันล้านบาทว่าจะไม่ได้ตามจำนวนเนื่องจากภาวะตลาดไม่ค่อยดี รวมถึงการขายที่เลื่อนออกไปด้วยจากเดิมปลายไตรมาส 2 เป็นไตรมาส 3 จะส่งผลให้รายได้ของบริษัทคงจะปรับลดลงจากปีก่อนพอสมควร จากที่ปีก่อนบริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 3.4 พันล้านบาท

หากปีนี้สามารถขายกองทุน TFUND ออกได้เพียง 2,000 ล้านบาท ก็จะมีรายได้อยู่ที่ 3 พันล้านบาท แต่หากขายได้ทั้งจำนวนก็จะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นทันทีเป็น 3.5 พันล้านบาท

"ยอมรับว่ากังวลว่าเมื่อครบกำหนดจะต้องขาย TFUND อาจจะไม่ได้ตามจำนวนจากสภาวะตลาด แต่ยังไงก็คงต้องขายเพราะผู้ถือหุ้นคงไม่ยอมและเมื่อการขายน้อยก็จะทำให้การจ่ายปันผลน้อยลงตามไปด้วย" นายวีรพันธ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทขาย TFUND ได้น้อยลงแต่บริษัทก็ยังมีวงเงินกู้จากแบงก์ที่ได้มีการขอไว้แล้ว 2.5 พันล้านบาท ซึ่งเป็นเงินกู้ระยะยาว และยังมีหุ้นกู้อีก 5,000 ล้านบาทที่จะออกเดือนพ.ค.

ทั้งนี้ จากปัญหาเศรษฐกิจที่ชะลอและทำให้ผู้ประกอบการปรับและหันมาเช่าโรงงานแทน ทำให้เชื่อว่าในปีนี้ทำให้เชื่อว่ารายได้จากค่าเช่าในปีนี้จะอยู่ที่ 800 ล้านบาท ซึ่งคงจะทำให้โครงสร้างรายได้ที่มาจากค่าเช่าในปีนี้ปรับเพิ่มขึ้น โดยในเดือนมี.ค.นี้บริษัทอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญาเช่ากับลูกค้า 3 ราย รวมพื้นที่ 6-7 พันตารางเมตร ระยะเวลาในการเช่าประมาณ 3 ปี เป็นพวกชิ้นส่วนอิเลคทรอนิคส์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอาหาร

ในปีนี้พื้นที่ให้เช่าคงเพิ่มขึ้นอีก 4-5 หมื่นตารางเมตร จากปีก่อนพื้นที่ให้เช่าใหม่อยู่ที่ 8 หมื่น-1 แสนตารางเมตร ซึ่งถือว่าพื้นที่ให้เช่าเป็นอัตราที่ลดลง ปัจจุบันมีพื้นที่เช่า 3 แสนกว่าตารางเมตร อีกทั้งการขายโรงงานในปีนี้คงจะเห็น 1-2 โรง

นายวีรพันธ์ กล่าวต่อว่า ถึงแม้เศรษฐกิจจะชะลอลงแต่ก็มีผู้สนใจเช่าโรงงานอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่การตัดสินใจช้าลงและขนาดการเช่าก็ลดลงไปด้วยซึ่งเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ เพราะผู้เช่าต้องการจะลดต้นทุนด้วย

นอกจากนี้ ในปีนี้บริษัทยังคงลงทุนอยู่ถึงแม้จะกังวลในสถานการณ์เช่นนี้ โดยตามแผนจะใช้เม็ดเงินในการลงทุนสร้างโรงงานแห่งใหม่ 14 โรงงาน และคลังสินค้า 4 หมื่นตารางเมตร ใช้เม็ดเงินราว 1.6 พันล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่ลดลงจากปีก่อนที่ 2.6 พันล้านบาท เป็นเรื่องปกติที่สถานการณ์ไม่ดี และปีหน้าลดลงเหลือ 1.5 พันล้านบาท แต่อย่างไรก็ตาม หากเศรษฐกิจ 2 ปีข้างหน้ายังแย่อยู่สิ่งที่จะลงทุนก็คงไม่เห็น



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ