กลุ่มแบงก์เทรดคึกคัก โบรกฯระบุเทคนิคเคิลรีบาวน์, ประเด็นปันผลช่วยหนุน

หุ้นในกลุ่มแบงก์ราคาวิ่งขึ้น ด้วยวอลุ่มเทรดที่เข้ามาอย่างหนาแน่น โดยเมื่อเวลา 14.35 น.ดัชนีหุ้นในกลุ่มแบงก์อยู่ที่ 143.43 จุด เพิ่มขึ้น 3.81 จุด(+2.73%)และหุ้นที่มีการปรับตัวขึ้นมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่

หุ้น SCB ราคาอยู่ที่ 53.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท(+3.88%)มูลค่าซื้อขาย 263.25 ล้านบาท

หุ้น BBL ราคาอยู่ที่ 71.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท(+3.62%)มูลค่าซื้อขาย 115.87 ล้านบาท

หุ้น KBANK ราคาอยู่ที่ 41.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท(+3.09%)มูลค่าซื้อขาย 177.54 ล้านบาท

นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการส่วนวิจัย เศรษฐกิจ และกลยุทธ์การลงทุน บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้นในกลุ่มแบงก์วันนี้ปรับตัวขึ้นมา ด้วยวอลุ่มเทรดที่เข้ามาอย่างคึกคัก คาดว่าจะเป็นเทคนิคเคิลรีบาวน์หลังจากที่ได้ปรับตัวลงไปค่อนข้างมากในช่วงก่อนหน้านี้ อีกทั้งหุ้นในกลุ่มแบงก์ยังไม่ได้ขึ้นเครื่องหมาย XD ดังนั้นจึงมีประเด็นเล่นจากเรื่องปันผล

ทั้งนี้ ราคาหุ้นแบงก์ใหญ่ 3 ตัว ทั้ง ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB), ธนาคารกสิกรไทย(KBANK) และ ธนาคารกรุงเทพ(BBL) ได้ปรับตัวขึ้นมาชนแนวต้านแล้ว โดยหุ้น SCB มีแนวต้าน 53.50 บาท หุ้น BBL มีแนวต้าน 71.50 บาท และหุ้น KBANK มีแนวต้าน 42 บาท

BBL จ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2551 สำหรับหุ้นสามัญ ในอัตราหุ้นละ 3 บาท ซึ่งธนาคารได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 1 บาท และจะจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายอีกในอัตราหุ้นละ 2 บาท ในวันที่ 7 พฤษภาคม 2552 กำหนดปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 24 เมษายน 2552

KBANK จะจ่ายเงินปันผลหุ้นสามัญในอัตราหุ้นละ 2.00 บาท แต่เนื่องจากธนาคารได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท จึงจะจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายอีกในอัตราหุ้นละ 1.50 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นของธนาคาร โดยกำหนดปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 20 เมษายน 2552 และจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 28 เมษายน 2552

SCB อนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับปี 2551 ให้แก่ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ และผู้ถือหุ้นสามัญในอัตราหุ้นละ 2 บาท โดยธนาคารจะปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นวันที่ 20 เมษายน 2552 เพื่อสิทธิรับเงินปันผล และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 28 เมษายน 2552