นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.บีฟิท (BSEC) เปิดเผยว่า การล้มเลิกการเจรจาเพื่อเข้าควบรวมกิจการกับบล. ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) หรือ UOBKH เนื่องมาจากทาง UOBKH ให้เหตุผลว่าโครงสร้างผู้บริหารของ BSEC ไม่ชัดเจน จึงขอยกเลิกการขอเข้าควบรวมกิจการ
การตัดสินใจยุติการเจรจาของทาง UOBKH เข้าใจว่าเกิดขึ้นหลังการนัดคุยกับผู้บริหาร UOBKH ที่สิงคโปร์ โดยทางผู้บริหารของ BSEC มีเพียงตนเองที่เดินทางไปเป็นตัวแทนเท่านั้น ส่วนคนอื่น ๆ ไม่ได้เดินทางไปด้วย หลังจากพบปะกันแล้วทางผู้บริหาร UOBKH ส่งจดหมายผ่านแฟกซ์ว่าไม่สามารถที่จะควบรวมกิจการได้ เนื่องจากโครงสร้างผู้บริหารไม่สอดคล้องกัน
นายประสิทธิ์ กล่าวต่อว่า โดยส่วนตัวแปลกใจเหมือนกันที่มีการติดต่อเข้ามาและขอพบผู้บริหาร BSEC ทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีการดูบัญชี หรือ เข้ามาตรวจสอบกิจการเพื่อทำ Due Diligence แต่ยืนยันว่า BSEC มีเงินสดสูงถึง 2 พันล้านบาท และมีสินทรัพย์ที่แข็งแกร่ง ไม่ได้มีปัญหาการเงิน ซึ่งทางผู้บริหารพร้อมที่จะสร้างประโยชน์ให้กับผู้ถือหุ้น และหากมีการเจรจาควบรวมกิจการก็ไม่ได้ปิดตัวเอง แต่ก็ต้องทำอย่างระมัดระวังและรอบคอบมากขึ้น
"ที่ผ่านมาถือว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและจบลงอย่างรวดเร็ว ยอมรับว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของบริษัท แต่ยืนยันว่าไม่ได้มีการใช้ข้อมูลอินไซด์ในการซื้อขายหุ้นเพราะวอลุ่มในวันที่ราคาเปลี่ยนแปลงสูงของบริษัทถือว่าไม่มากผิดปกติ และจากที่ทางตลาดฯ ขอข้อมูล ก็พร้อมชี้แจงทุกประการ ส่วนขณะนี้ที่มีการขอข้อมูลไปยังบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ เพื่อตรวจสอบมูลค่าซื้อขายหุ้น ทาง BSEC ก็ยินดี และก็ไม่มีปัญหาอะไร" นายประสิทธิ์ กล่าว
สำหรับฐานะการเงินของบริษัทฯ อยู่ในสถานะที่มีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 มีกำไรสุทธิในงบการเงินรวมบริษัทย่อยจำนวน 94.54 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.1171 บาท/หุ้น มีมูลค่าหุ้นตามบัญชี (Book Value) อยู่ที่ 2.63 บาท/หุ้น มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้นกว่า 2,500 ล้านบาท และมีกระแสเงินสดจำนวน 2,000 ล้านบาท มีหนี้เสียเพียง 3.6 ล้านบาทเท่านั้น
ส่วนแผนงานต่อจากนี้ ทางด้านธุรกิจของ BSEC ยังมีแนวโน้มที่ดี โดยในช่วงที่ผ่านมาส่วนแบ่งทางการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ของบริษัทขึ้นไปถึงระดับ 6.22% ซึ่งจากการบริหารงานที่มีศักยภาพและการให้บริการที่เข้าถึงลูกค้าและมีทีมผู้บริหารที่มีศักยภาพจึงทำให้มาร์เก็ตแชร์เพิ่มขึ้น และในปีนี้วางเป้าหมายเอาไว้ว่าจะทำให้ได้ในระดับประมาณ 5-6% และติดอันดับ TOP5 ให้ได้
BSEC มีแผนจะเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งการการขยายฐานลูกค้า เพิ่มทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจให้กับผู้ลงทุนเพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ เพื่อลดความเสี่ยงในช่วงที่ภาวะตลาดหุ นผันผวนสูง จากปัญหาเศรษฐกิจโลกที่เป็นปัจจัยกดดันตลาดทั่วโลก ซึ่งเชื่อว่าด้วยการบริหารจัดการต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และกระจายช่องทางสร้างรายได้ให้หลากหลายมากขึ้น จะทำให้ BSEC สร้างรายได้และผลกำไรให้ขยายตัวต่อเนื่องได้