สื่ออินเดียรายงานว่า บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี มหาเศรษฐีชาวไทย อยู่ในระหว่างเจรจาเพื่อเข้าซื้อหุ้นในบริษัท ยูไนเต็ด สปิริตส์ จำกัด (ยูเอสแอล) ของนายวีเจย์ มอลยา ซึ่งกำลังต้องการขายหุ้นส่วนน้อยในบริษัทเพื่อหาเงินมาปลดหนี้ที่เกิดจากการซื้อหุ้นในบริษัทอื่นๆ พร้อมระบุด้วยว่าบริษัทน้ำเมาของไทยอาจเป็นม้ามืดเอาชนะคู่แข่งรายใหญ่กว่าอย่าง ดิอาจิโอ หรือ บาคาร์ดี
นสพ.ดิ อีโคโนมิค ไทม์ส รายงานอ้างแหล่งข่าวด้านการธนาคารซึ่งใกล้ชิดกับการเจรจาครั้งนี้ว่า บริษัทไทยเบฟของ "เสี่ยเจริญ" ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นสิงคโปร์ ได้เริ่มการเจรจาอย่างเป็นทางการกับยูเอสแอล ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รายใหญ่อันดับสามของโลกในแง่ปริมาณ เพื่อหยั่งเชิงข้อตกลงด้านกลยุทธ์เมื่อประมาณเกือบสองสัปดาห์ที่แล้ว
ด้านแหล่งข่าวอีกรายเผยว่า ก่อนหน้านี้ยูเอสแอลได้เปิดฉากเจรจากับยักษ์ใหญ่ในธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่าง ดิอาจิโอ และ บาคาร์ดี มาก่อนแล้ว ซึ่งก็ดูเหมือนว่าผู้บริหารระดับสูงของยูเอสแอลจะเอนเอียงไปทางสองบริษัทข้างต้น เนื่องจากเห็นว่าทั้งสองบริษัทมีแบรนด์ที่โด่งดังในระดับโลก เทียบกับเหล้าแม่โขงและเบียร์ช้างของไทยเบฟที่ได้รับความนิยมจำกัดอยู่ในประเทศไทย แต่ผู้สังเกตการณ์ในอุตสาหกรรมก็เชื่อว่ายังมีเหตุผลที่ดึงดูดให้ยูเอสแอลเจรจากับนายเจริญ
อย่างไรก็ตาม ยูเอสแอลได้ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นในเรื่องการขายหุ้น โดยอ้างข้อตกลงรักษาความลับ ขณะที่ทางไทยเบฟเองก็ไม่ได้ตอบอีเมล์ที่ดิ อีโคโนมิค ไทม์ส ส่งไปสอบถาม
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายมอลยา เปิดเผยว่า เขากำลังเจรจาขายหุ้นกับหลายบริษัท แต่ไม่ได้ระบุว่ามีใครบ้างที่นอกเหนือไปจากดิอาจิโอ ขณะที่บาคาร์ดี้ก็แสดงความสนใจ และอาจเข้าสู่การเจรจาอย่างจริงจังมากขึ้นเมื่อได้รับแรงกระตุ้นจากการโดดเข้าร่วมวงของไทยเบฟฯ
รายงานระบุว่า ไทยเบฟฯ ครองส่วนแบ่งในตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของไทยอยู่ 60% นอกจากนี้ยังเข้าถือหุ้นส่วนใหญ่ในอินเวอร์ เฮาส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตสุรารายใหญ่ของสก็อตแลนด์ด้วย ขณะที่บริษัทไทย เจริญ คอร์ปอเรชั้น (ทีซีซี) ของนายเจริญถือครองหุ้นในธุรกิจต่างๆ ทั้งเครื่องดื่ม ประกัน อสังหาริมทรัพย์ และการเกษตร
ทั้งนี้ หากยูเอสแอลตัดสินใจขายหุ้นให้ไทยเบฟก็จะถือเป็นการรวมพลังครั้งใหญ่ของบริษัทสุราเอเชีย ซึ่งจะส่งผลต่อตลาดโลก โดยยูเอสแอลและไทยเบฟฯ ต่างก็เป็นกิจการภายในครอบครัว ซึ่งก็อาจทำให้นายเจริญและนายมอลยาเข้าอกเข้าใจกันมากกว่า ประจวบเหมาะกับที่เมื่อไม่กี่ปีก่อน นายมอลยาได้เคยหารือถึงความเป็นไปได้ด้านการจัดจำหน่ายให้กับไทยเบฟฯ ของนายเจริญ
รายงานระบุด้วยว่า โครงสร้างข้อตกลงที่ไทยเบฟฯ และยูเอสแอลเจรจากัน อาจแตกต่างอย่างมากจากที่ยูเอสแอลกำลังเจรจากับดิอาจิโอ โดยทั้งสองบริษัทอาจร่วมทุนกันเพื่อเปิดทางให้ไทยเบฟฯ เข้าสู่ตลาดอินเดียที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว
สำหรับรายได้ในรอบ 9 เดือนของไทยเบฟฯ อยู่ที่ 2.07 พันล้านดอลลาร์ (7.6 หมื่นล้านบาท) เทียบกับรายได้ของยูเอสแอลที่ราว 600 ล้านดอลลาร์ และรายได้สุทธิของไทยเบฟฯ ในช่วงเวลาดังกล่าวอยู่ที่ 208.11 ล้านดอลลาร์ เทียบกับของยูเอสแอลที่ 50 ล้านดอลลาร์