PERM ได้ลูกค้าใหม่เสริมยอดขายหวังรายได้ทรงตัว/ผู้ถือหุ้นรายหนึ่งขอนั่งบอร์ด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 5, 2009 10:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชูเกียรติ ยงวงศ์ไพบูลย์ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ.เพิ่มสินสตีลเวิร์ค(PERM)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ผลประกอบการของบริษัทในไตรมาส 1/52 น่าจะออกมาดีขึ้นจากไตรมาส 4/51 เพราะเท่าที่ประเมิน 2 เดือนแรกนี้ยอดขายก็ยังคงเท่ากับเมื่อ 2 เดือนแรกของปีก่อน

ขณะนี้ได้ลูกค้ากลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่ได้รับงานก่อสร้างจากกลุ่มโลตัส มูลค่าเบื้องต้นกว่า 20 ล้านบาท โดยคาดว่าจะรับรู้รายได้จากส่วนนี้ในไตรมาส 1/52 นี้ และคาดว่าจะได้รับงานของกลุ่มโลตัสไปเรื่อย ๆ ดังนั้น ในปีนี้ก็จะมีทั้งงานของโลตัสและลูกค้าเก่าเป็นหลัก จึงมองว่าผลประกอบการน่าจะยังไปได้ดีในระดับหนึ่ง

ประกอบกับตอนนี้เราก็มีเพิ่มสินค้าตัวใหม่คือเหล็กแผ่นรีดร้อน ขณะที่เหล็กแผ่นรีดเย็นลดลงไปประมาณ 30% เชื่อว่าน่าจะช่วยชดเชยในส่วนยอดขายได้ โดยบริษัทหวังว่ารายได้ในปีนี้เทียบปีที่แล้วก็น่าจะทรงๆ ไปได้ที่ 2,000 ล้านบาทขึ้นไป จากปี 51 ที่มีรายได้จากยอดขายและบริการ 2,188 ล้านบาท

"ปีนี้ความต้องการเหล็กรีดเย็นลดลง และตอนนี้ก็จะมาขายเหล็กรีดร้อนเพิ่มมากขึ้นเพื่อให้มาชดเชยรายได้เหล็กรีดเย็นที่หายไป"นายชูเกียรติ กล่าว

ส่วนทั้งปีจะกลับมาเป็นกำไรหรือไม่ ยังไม่สามารถคาดเดาได้ แต่เชื่อว่าคงจะไม่มีผลขาดทุนสต็อกเหมือนกับปีก่อนที่ต้องตั้งสำรองการด้อยค่าของสินค้าคงเหลือ เนื่องจากราคาเหล็กเริ่มทรงตัวหลังจากลดลงไปประมาณ 50-60% จากปีก่อน เหลือเพียงรอดูดีมานด์-ซัพพลาย ซึ่งขณะนี้โรงงานแต่ละแห่งทั่วโลกกำลังตัดการผลิตลงไม่ต่ำกว่า 50% เชื่อว่าจะทำให้ราคาเหล็กมีสมดุล โดยราคาเหล็กแผ่นรีดเย็นอยู่ที่ประมาณ 620 เหรียญฯ/ตัน ส่วนเหล็กแผ่นรีดร้อนอยู่ทีประมาณ 520 เหรียญฯ/ตัน ไม่น่าจะลงไปกว่านี้แล้ว

"สต็อกเหล็กเราถูกปรับมูลค่าไปแล้วเมื่อปีที่แล้ว ส่วนปีนี้ก็จะเป็นราคาใหม่เข้ามาที่ราคาถูกลงตามราคาตลาด ตรงนี้ทำให้ปีนี้เราก็ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องตั้งสำรองเพราะเราตัดสต็อกไปตั้งแต่ปีที่แล้ว"นายชูเกียรติ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ปีนี้บริษัทคงไม่ได้เน้นให้ความสำคัญในการเพิ่มยอดขายมากนัก เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจมีแนวโน้มหดตัว แต่จะเน้นในเรื่องของการเก็บเงินลูกค้าเป็นเรื่องหลัก

"ปีนี้คงไม่ได้เน้นเรื่องยอดขายมากแต่จะเน้นเรื่องการควบคุมเครดิตลูกค้ามากกว่า แต่ที่ผ่านมาก็ยังไม่ได้มีปัญหาอะไรในเรื่องลูกค้า" นายชูเกียรติ กล่าว

นอกจากนั้น บริษัทยังจะเดินหน้าลงทุนสร้างคลังสินค้าแห่งใหม่ที่กำลังรอแบบก่อสร้างอยู่ คาดว่าจะเริ่มสร้างได้ในราวไตรมาส 2/52 โดยบริษัทอยู่ระหว่างมองหาเม็ดเงินลงทุน มูลค่าตัวโรงงานประมาณ 40 กว่าล้านบาทและเครื่องจักรอีกประมาณ 100 กว่าล้านบาท

*นำประเด็นผู้ถือหุ้นรายหนึ่งร้องศาลขอเอี่ยวบริหารเข้าบอร์ด เม.ย.นี้

นายชูเกียรติ เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ก่อนศาลนัดไกล่เกลี่ยกับผู้ถือหุ้นรายหนึ่งที่ยื่นขอสิทธิเข้าร่วมเป็นกรรมการของบริษัท โดยก่อนหน้านี้ผู้ถือหุ้นรายนี้ได้ส่งหนังสือมาให้กับบริษัท ซึ่งบริษัทก็อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสัดส่วนการถือหุ้นและสิทธิการเข้าเป็นกรรมการ แต่คาดว่าคาดว่าผู้ถือหุ้นรายนี้คงจะรอไม่ไหวจึงได้ยื่นฟ้องศาล แต่เมื่อถึงวันนัดผู้ถือหุ้นรายดังกล่าวกลับไม่ได้เดินทางมา

อย่างไรก็ตาม บริษัทก็จะนำเรื่องนี้รายงานให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทรับทราบในเดือน เม.ย.นี้ เพื่อพิจารณาข้อเรียกร้อง ก่อนจะเสนอเรื่องเข้าที่ประชุมผู้ถือหุ้นวิสามัญประมาณปลายเดือน เม.ย.ต่อไป

"สรุปแล้วผู้ถือหุ้นรายนี้ก็มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ แต่สัดส่วนยังไม่ทราบ เมื่อเรื่องไปถึงศาลแล้วเราก็คงจะต้องจัดการตามที่ผู้ถือหุ้นต้องการคือเอาเรื่องนี้เข้าบอร์ด ซึ่งโดยหลักเกณฑ์แล้วถ้าผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ลงความเห็นสมควรก็ได้ ก็ต้องแล้วแต่ผู้ถือหุ้น"นายชูเกียรติ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ