นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ดูแลการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิต สินค้าที่ทำลายสุขภาพ (Sin Tax) ทั้ง สุรา ยาสูบ โดยในสัปดาห์หน้าจะเชิญผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับสินค้าดังกล่าวมาหารือ เพื่อรับฟังแนวทางการปรับขึ้นภาษี และคาดว่าจะนำเสนอครม.พิจารณาปรับขึ้นอัตราภาษีได้ใน 2 สัปดาห์
นอกจากนี้ ยังมีแนวคิดที่จะจัดเก็บภาษีสรรพสามิตชาและกาแฟสำเร็จรูปที่บรรจุกระป๋อง หรือกล่อง จากปัจจุบันได้กำหนดอัตราภาษีอยู่แล้ว แต่ได้รับการยกเว้นภาษี ซึ่งชาและกาแฟ ถือเป็นเครื่องดื่มประเภทหนึ่งเช่นเดียวกับน้ำอัดลม โดยกำลังศึกษาว่าจะเป็นการคิดภาษีตามปริมาณคาเฟอีน หรือคิดตามปริมาณบรรจุ
นายพฤติชัย กล่าวว่า ภาษีชาและกาแฟสามารถดำเนินการจัดเก็บภาษีได้ทันที หลังเสนอ รมว.คลังพิจารณา และออกเป็นประกาศกระทรวง โดยไม่ต้องนำเสนอ ครม.พิจารณา
"จะมีการเชิญผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาหารือ เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายของคลัง ซึ่งการปรับขึ้นภาษีครั้งนี้ จะไม่มีการปรับขึ้นทันที แต่เราจะมีเวลาให้ผู้ประกอบการได้ปรับตัว"นายพฤฒิชัย กล่าว
อย่างไรก็ตาม รมช.คลัง ปฎิเสธที่จะให้ความเห็นว่า การปรับขึ้นภาษีดังกล่าวจะทำให้ผู้ประกอบการผลักภาระภาษีให้กับประชาชน โดยการขึ้นราคาสินค้าหรือไม่ เพียงแต่ระบุว่าจะทำให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้นถึงปีละ 30,000 บาท
รมช.คลัง กล่าวถึงการสอบข้อเท็จจริงกรณีการไม่เก็บภาษีสรรพสามิต"ซานติก้าผับ"ว่า ขณะนี้ คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ที่มี นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธ์ รองปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ทำหนังสือขอขยายเวลาการสอบข้อเท็จจริงไปอีก 30 วัน จากเดิมที่ให้เวลา 15 วัน เนื่องจากต้องใช้เวลาในการเรียกสอบพยานบุคคลค่อนข้างมาก และคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงยังไม่มีอำนาจเรีกยบุคคลภายนอกมาสอบ จึงได้มีการ เพิ่มเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ร่วมเป็นกรรมการเพิ่มด้วย
"หากครบกำหนด 30 วัน ก็ไม่น่าจะต่อเวลาให้อีกแล้ว ยืนยันว่าไม่มีการซื้อเวลา ส่วนการที่กรมสรรพสามิตตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงภายในกรมนั้น ไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะผมจะยึดผลสอบของคุณสถิตย์"รมช.คลัง กล่าว