นายสมยศ แสงสุวรรณ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บมจ.บริหารและพัฒนาเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (GENCO)คาดได้ข้อสรุปเจรจาความร่วมมือกับพันธมิตรใหม่เพื่อขยายธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวข้องกับด้านสิ่งแวดล้อมภายในไตรมาส 2/52 โดยหากเข้ารับงานโครงการใหญ่ก็อาจจะต้องมองหาเงินทุนเพิ่มเติม ซึ่งบริษัทยังมีเงินทุนหมุนเวียนภายใน และยังสามารถเปิดวงเงินกู้ได้
ส่วนความคืบหน้าแผนการควบรวมกับ บมจ.โปรเฟสชั่นแนล เวสต์ เทคโนโลยี(1999)(PRO)นั้น ขณะนี้ยังไม่มีแนวคิดหรือความคืบหน้าใด ๆ เพราะเรากำลังมองหาธุรกิจอื่นที่อยู่ในเชิงของเรื่องสิ่งแวดล้อม
"เล็งไว้แล้ว เดี๋ยวรออีกนิดหนึ่งอาจจะมีข่าวดีประมาณไตรมาส 2 แต่ไม่ใช่ PRO ซึ่ง PRO เขาก็ทำธุรกิจของเขาไปที่ทำอยู่ แต่จะเป็นธุรกิจในเชิงของสิ่งแวดล้อม...คือมีบริษัทอื่นอีกที่เรามองหาเท่าที่ดูมีหลายบริษัทที่สามารถทำได้ ไม่ถึงกับเป็นการควบรวมกิจการกับบริษัทด้วยกัน"นายสมยศ เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"
ส่วนแผนลงทุนราว 1 พันล้านบาทที่บริษัทเตรียมไว้รองรับผลศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุน 2 ธุรกิจคือ การเปลี่ยนขยะพลาสติกหรือชานอ้อยให้เป็นน้ำมันดีเซล และศึกษาการลงทุนให้บริการบำบัดขยะติดเชื้อจากสถานพยาบาล ตอนนี้ก็ยังชะลอดูไว้ก่อนเพื่อให้ดูทิศทางต่างๆ ให้ดีขึ้นเพราะตอนนี้บรรยากาศไม่ค่อยดี ต้องรอรัฐผลักดันโครงการต่าง ๆ ก่อน
"เมื่อ 2 วันก่อนผมก็ไปร่วมให้ความเห็นของวุฒิสภาเพื่อผลักดันให้เป็นวาะแห่งชาติในเรื่องสิ่งแวดล้อมเพื่อกระตุ้น ซึ่งรัฐบาลชุดนี้ก็เอาใจใส่เรื่องสิ่งแวดล้อมดีในเรื่องที่จะผลักดันให้เป็นวาระแห่งชาติ" นายสมยศ กล่าว
นายสมยศ กล่าวว่า จากการไปดูเทคโนโลยีแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันดีเซลที่เยอรมัน คงต้องดูรายละเอียดก่อน โดยเฉพาะในแง่ของปริมาณขยะที่จะเอาเข้าไปบำบัด แต่ขณะนี้มีเพียง 2-3 ตันต่อวันก็ไม่เพียงพอ จึงต้องดูก่อน ในสภาวะตอนนี้ก็เหนื่อยต้องปรับตัวกันหน่อย
*รายได้ปี 52 รับผลจากการที่หลายอุตสาหกรรมทยอยปิดตัว
นายสมยศ กล่าวยอมรับว่า รายได้จากการบำบัดกากอุตสาหกรรมในปีนี้จะได้รับผลกระทบจากการที่หลายอุตสาหกรรมทยอยปิดตัวหรือลดกำลังการผลิต รวมทั้งปรับลดค่าใช้จ่ายเพื่อให้อยู่รอด ซึ่งเป็นผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัวหรืออาจหดตัวลง เพราะโรงงานอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ก็เป็นลูกค้าของ GENCO
"ช่วง 2 เดือนนี้แรกนี้ การกำจัดกากไม่ค่อยดีเพราะลูกค้าก็ลด บางทีลูกค้าก็เก็บไว้ไม่ปล่อยออกมาเพราะลดต้นทุนของเขา มีโทร.เข้ามาเหมือนกันว่าบางคนมี 8-9 พันตันแต่กักไว้ยังไม่ปล่อย เพราะกากพวกนี้บางทีก็เป็นต้นทุนของลูกค้าเหมือนกัน" นายสมยศ กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีเป้าหมายที่จะผลักดันรายได้รวมในปี 52 ให้ได้ถึง 400 ล้านบาท ส่วนผลงานจริง ๆ จะออกมามากน้อยแค่ไหนยังต้องรอดูสถานการณ์ต่าง ๆ ก่อน แนวโน้มยังไม่แน่นอน เพราะธุรกิจพวกนี้บางทีหากมีโปรเจ็คต์ใหญ่ๆ เข้ามา เช่น ปริมาณ 8-9 พันตัน หรือหมื่นตันเข้ามา 3-4 ราย ก็มีโอกาสได้งานทำยาว
"รายได้พยายามจะผลักให้ได้ถึง 400 ล้านบาท ในปีนี้ แต่ก็ดูอะไรอีกหลายๆ อย่าง"นายสมยศ กล่าว
อนึ่ง ในปี 51 บริษัทมีรายได้ค่าบริการ 416.2 ล้านบาท จาก 437.9 ล้านบาท ในปี 50 คิดเป็นลดลง 5.0% โดยต้นทุนค่าบริการเพิ่มขึ้นจากมีสาเหตุมาจากปัจจัยด้านราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งทำให้เกิดการปรับตัว สูงขึ้นของต้นทุนค่าขนส่ง และต้นทุนสารเคมีที่ใช้ในการบำบัดกากอุตสาหกรรมด้วย
นายสมยศ กล่าวว่า ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนยานยนต์ ที่ลดกำลังการผลิตลง บางแห่งลดวันทำงานเหลือ 2-3 วันต่อสัปดาห์ และยังมีโรงงานที่ปิดทั้งแถบปทุมธานีและอยุธยา บางส่วนที่มาบตาพุดก็ผลิตลดลงไปมาก ส่วนลูกค้าในกลุ่มปิโตรเคมี ไม่ได้หยุดแต่อาจจะลดกำลังการผลิตลง แต่พวกยานยนต์ลดลงแน่นอนเพราะตลาดไม่ดี ทำให้กากอุตสาหกรรมที่จะเข้ามาบำบัดลดลงไปราว 40% จากเดิมที่มีเข้ามาบำบัดเกือบ 1 หมื่นตันต่อเดือน ตอนนี้เหลือประมาณ 5-6 พันตันต่อเดือน ซึ่งก็จะกระทบกับรายได้แน่นอน
ปัจจุบัน มีลูกค้า 1,000 กว่าราย และในปีนี้ไม่แน่อาจจะได้ลูกค้าใหม่เข้ามาเพิ่ม ถึงแม้ลูกค้าเก่าอาจจะลดลงไปบ้าง โดยจะมีลูกค้าต่างจังหวัดเข้ามาเช่น ที่ภาคอีสานมีโรงงานที่มีของเสียเป็นกากอุตสาหกรรมที่ไม่ได้ดูแลเป็นจำนวนมาก โดยนำไปทิ้งในหลุมของอบต.หรืออบจ.ซึ่งการกำจัดไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งทางกรมโรงงานก็พยายามที่จะเอาจริงเอาจัง ก็คาดว่าน่าจะพอชดเชยกันได้แต่อาจจะไม่ทั้งหมด
นายสมยศ กล่าวว่า ในอนาคตมีแนวโน้มว่าจะมีลูกค้าเข้ามาเพิ่มขึ้นหลังจากที่กรมโรงงานและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยจะผลักดันมาตรฐาน ISO 26000 คือความรับผิดชอบต่อสังคม จากมาตรการนี้เรามั่นใจว่าจะทำให้กากอุตสาหกรรมเข้าสู่ระบบกำจัดที่มีมาตรฐานมากขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีต่อธุรกิจของ GENCO ซึ่งจะไปเห็นผลในปี 2553
บางส่วนเราก็เริ่มบุกตลาดไปแล้ว โดยเฉพาะลูกค้าต่างจังหวัด ซึ่งทางอุตสาหกรรมจังหวัดก็ส่งสัญญาณมาว่า บริษัทน่าจะออกไปให้บริการเพราะมีระบบเทคโนโลยีที่ดี
และตอนนี้ก็ต้องมามองตัวเองว่าจะรับมือกับตรงนี้อย่างไรก็ต้องเร่งเชิงรุกกันและหาธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งวันจันทร์ที่ 9 มี.ค.ก็จะเดินทางไปดูเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่บาหลี หลังจากไปดูเทคโนโลยีแปรรูปขยะพลาสติกที่เยอรมันมาแล้ว พร้อมกันนั้น บริษัทก็พยายามที่จะปรับเรื่องลดต้นทุนด้านพนักงานที่จะลดรายจ่ายได้บางส่วนออกไป เพราะบางจุดงานน้อยลงมาก โดยจะไม่ปลดพนักงานแต่เปิดให้พนักงานสมัครใจลาออก ซึ่งขณะนี้มีสมัครเข้ามา 60 กว่าคน ซึ่งบริษัทก็จะจ่ายเงินตามกฎหมาย
ส่วนทิศทางจะฟื้นตัวได้เมื่อไรก็ต้องขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจของโลกและของไทยด้วย คือสินค้าบริการของเจนโก้ไม่ใช่ว่าจะขาดทุน แต่มาร์จินลดลงเพราะการแข่งขัน เนื่องจากคู่แข่งก็ต้องลดเพื่อให้อยู่ได้ แต่เรายังรักษามาตรฐานไว้เหมือนเดิม