ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 12 ปีเมื่อคืนนี้ (5 มี.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาทางการเงินที่เกิดขึ้นกับบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) และธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากกระแสคาดการณ์ในวงกว้างว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนก.พ.ของสหรัฐจะร่วงลงอีก
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วง 281.40 จุด หรือ 4.09% แตะที่ 6,594.44 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 12 ปีหรือตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีพ.ศ.2540 ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 30.32 จุด หรือ 4.25% แตะที่ 682.55 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีพ.ศ.2539 และดัชนี Nasdaq ปิดร่วง 54.15 จุด หรือ 4.00% แตะที่ 1,299.59 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.88 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 12 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.34 พันล้านหุ้น
มาร์ค เลสเตรนจ์ นักวิเคราะห์จาก Source Trading กล่าวว่า ในช่วงเช้านั้นตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนหลังจากนายเหวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีนออกแถลงการณ์ในการประชุมประจำปีของพรรคคอมมิวนิสต์ว่า รัฐบาลจีนจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 5.85 แสนล้านดอลลาร์และยืนยันว่าจะรักษาเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ระดับ 8% ในปีนี้ได้ แม้ต้องเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจทั่วโลกก็ตาม
"แต่มาในช่วงบ่าย ดัชนีดาวโจนส์ และ S&P 500 ดิ่งวูบลงสู่แดนลบ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการว่างงานร่วงลง 31,000 ราย สู่ระดับ 639,000 รายในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 28 ก.พ. จากรอบสัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่ 670,000 ราย" เลสเตรนจ์กล่าว
ตลาดหุ้นนิวยอร์กถูกกดดันอย่างหนักจากกระแสความวิตกกังวลเรื่องตัวเลขจ้างงาน นับตั้งแต่ ADP Employer Services เปิดเผยว่า ภาคเอกชนในสหรัฐลดการจ้างงานลง 697,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. หลังจากปรับลดลง 614,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยทำให้ผลประกอบการหดตัวลง และเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตัวเลขจ้างงานในสหรัฐยังไม่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นในเร็วๆนี้
ข้อมูลการจ้างงานในภาคเอกชนของ ADP มีขึ้นก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (non farm payroll) ประจำเดือนก.พ.ในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะร่วงลง 650,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นสถิติที่ร่วงลงรุนแรงที่สุดในรอบ 60 ปี
เอียน เชพเพิร์ดสัน นักวิเคราะห์จาก High Frequency Economics ในนิวยอร์กกล่าวว่า "ภาคเอกชนลดการจ้างงานลงอย่างต่อเนื่องเพราะดีมานด์สินค้าถดถอยลง อีกทั้งได้รับผลกระทบจากการเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ยากขึ้น และตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ตกต่ำลง ข้อมูลจ้างงานภาคเอกชนที่นำเสนอโดย ADP ทำให้นักวิเคราะห์ประเมินว่าตัวเลขจ้างงานประจำเดือนก.พ.ในวันศุกร์จะพุ่งขึ้นและดันตัวเลขว่างงานในสหรัฐพุ่งขึ้นเป็น 4.2 ล้านคน"
ทั้งนี้ ราคาหุ้นร่วงลงทั่วทั้งกระดาน โดยหุ้นกลุ่มธนาคารดิ่งลงหนักสุด หลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส แสดงความคิดเห็นในด้านลบต่อภาคการธนาคารของสหรัฐและประกาศลดอันดับเครดิตของแบงค์ ออฟ อเมริกา และธนาคารเวลส์ ฟาร์โก โดยหุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกาดิ่งลง 11.7% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ร่วงลง 15.9% หุ้นเจพีมอร์แกน ดิ่งลง 2.70% ส่วนหุ้นซิตี้กรุ๊ปร่วงลง 9.7% แม้ทางธนาคารได้รับเงินช่วยเหลือหลายพันล้านดอลลาร์จากรัฐบาลก็ตาม
หุ้นจีเอ็มดิ่งลง 15% หลังจากผู้ตรวจสอบบัญชีเตือนว่าหากจีเอ็มไม่สามารถลดตัวเลขขาดทุนและภาวะขาดแคลนเงินสด ก็อาจทำให้จีเอ็มตกอยู่ในภาวะไม่แน่นอนทางการเงิน ซึ่งข่าวดังกล่าวจุดปะทุให้เกิดความกังวลว่าจีเอ็มอาจล้มละลาย