(เพิ่มเติม) BCP คาดปี 52 EBITDA แตะ 8.5-9 พันลบ.-ค่าการกลั่นพุ่งเป็น 8 เหรียญฯ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday March 6, 2009 14:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.บางจากปิโตรเลียม (BCP) คาดว่า กำไรก่อนหักดอกเบี้ย จ่ายภาษีเงินได้ และค่าเสื่อมราคา(EBITDA)ในปี 52 จะปรับเพิ่มมาที่ 8.5-9 พันล้านบาท จากปีก่อนที่อยู่ที่ 5.6 พันล้านบาท(ไม่รวมขาดทุนสต็อคน้ำมัน) ขณะที่ค่าการกลั่นเฉลี่ยก็จะปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อนมาที่ 8 เหรียญ/บาร์เรล จาก 6.54 เหรียญ/บาร์เรล
ขณะที่ กำลังการกลั่นในปี 52 คาดว่าจะเพิ่มมาที่ 9-9.5 หมื่นบาร์เรล/วันจากปีก่อน 7.4 หมื่นบาร์เรล/วัน หลังจากที่โครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมัน (PQI) แล้วเสร็จ
"จากการที่เราทำ Headging ไว้ 40% ของปริมาณการผลิตทำให้ผลประกอบการเรา sustain ต่อภาวะโดยรวมที่มีแนวโน้มแกว่งตัวลง ทำให้ค่าการกลั่นเราสูงมาก คิดว่าค่าการกลั่นปีนี้ เฉลี่ย 8 เหรียญฯ และเราจะเดินเครื่อง PQI ในเดือนมีนาคมนี้ " นายปฏิภาณ สุคนธมาน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานด้านบัญชีและการเงิน BCP กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทประเมินว่า ราคาน้ำมันดิบดูไบ ปีนี้เฉลี่ยที่ 50-55 เหรียญ/บาร์เรล โดยบริษัททำประกันความเสี่ยงส่วนต่างราคาดีเซลกับน้ำมันดิบไว้ทั้งปี 52 ประมาณ 40% ของปริมาณการผลิต

ประกอบกับ บริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้ในโครงการ PQI ที่จะเดินเครื่องในเดือนมี.ค.นี้ โดยจะมีสัดส่วนการกลั่นดีเซลเพิ่มขึ้นเป็น 50% จากเดิม 35%, น้ำมันเบนซิน เพิ่มเป็น 19% จากเดิม 7%, น้ำมันอากาศยาน มีสัดส่วนกลั่น 14% จากเดิม 11% ขณะที่น้ำมันเตามีกำลังการกลั่นลดลงเหลือ 14% จาก 33% ที่เหลือเป็น LPG

นายปฏิภาณ กล่าวว่า โครงการ PQI ทำให้บริษัทมีกำลังการกลั่นเพิ้มขึ้น โดยคาดว่าปีนี้จะมีกำลังการกลั่น 9-9.5 หมื่นบาร์เรล/วัน จากกำลังเต็มที่ 1 แสนบาร์เรล/วัน โดยบมจ.ปตท.(PTT) รับซื้อน้ำมันดีเซลและเบนซิน 30% ของปริมาณการผลิต

ส่วนน้ำมันเตาจากโครงการ PQI จะได้น้ำมันเตาทึ่มีกำมะถันต่ำ ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดญี่ปุ่น โดยคาดว่าจะส่งออกจำนวน 80 ล้านลิตร/เดือน ขณะที่ได้ทำสัญญาล่วงหน้าครึ่งหนึ่งหรือ 40 ล้านลิตร/เดือน ซึ่งเป็นราคาที่ได้พรีเมียมดีมาก ส่วนอีกครึ่งหนึ่งขายตามราคาตลาด ซึ่งมองว่าได้ราคาดีกว่าเดิม

อย่างไรก็ตาม ปีนี้ส่งออกน้ำเตาลดลงจากปีก่อนที่ส่งออก 133 ล้านลิตรต่อเดือน เนื่องจากกำลังการผลิตน้ำมันเตาลดลงเหลือ 1.4 หมื่นบาร์เรล/วัน จากเดิม 3.5 หมื่นบาร์เรล/วัน และตลาดจีนไม่ต้องการน้ำมันเตาชนิดนี้ นอกจากนี้ นายปฏิภาณ เชื่อว่า ในปีนี้บริษัทจะไม่มีผลขาดทุนสต็อกน้ำมัน เพราะราคาน้ำมันดิบแมื่อสิ้นปีอยู่ที่ 36.40 เหรียญ/บาร์เรล ถือว่าต่ำมาก จากต้นปี 51 อยู่ที่ 89 เหรียญ/บาร์เรลและขึ้นไปสูงสุดกลางปีที่ 140 เหรียญ/บาร์เรล

และปีนี้ราคาน้ำมันคงจะไม่ต่ำลงกว่านี้แล้ว เนื่องจากกล่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(โอเปก)ได้ลดกำลังการผลิตไปแล้ว 4 ล้านบาร์เรล/วัน เพื่อพยุงราคาน้ำมัน และในวันที่ 15 มี.ค.นี้ก็จะมีการประชุมโอเปกเพื่อปรับลดกำลังการผลิตอีก โดยปัจจุบันโอเปกมีกำลังการผลิตน้ำมัน(รวมอิรัก)ประมาณ 2.8 ล้านบาร์เรล/วัน

นายปฏิภาณ กล่าวยอมรับว่า บริษัทหลีกเลี่ยงไม่พ้นที่จะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลให้ยอดขายในประเทศอาจลดลง โดยประเมินเบื้องต้นความต้องการลดลง 3% จากปีก่อนในกรณีที่ดีที่สุด แต่กรณีที่แย่ที่สุดคาดว่าจะลดลง 10% โดยบริษัทอาจจะเพิ่มการส่งออกมากขึ้นตามประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ ลาว เขมร พม่า รวมทั้งอาจจะลดกำลังการกลั่น

แต่ยอดขายในเดือนม.ค.ที่ผ่านมากลับดีกว่าที่คาด เนื่องจากราคาน้ำมันถูกลงทำให้คนหันมาใช้มากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ