(เพิ่มเติม) GRAMMY ตั้งเป้าปี 52 รักษากำไรสุทธิ-รายได้ใกล้เคียงปีก่อน,เน้นโชว์บิซ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday March 6, 2009 15:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการ บมจ. จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ (GRAMMY) กล่าวว่า ในปี 52 บริษัทมีเป้าหมายจะเน้นการรักษารายได้และกำไรสุทธิให้ใกล้เคียงกับปีก่อน แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวมจะหดตัว โดยในปี 51 บริษัทมีรายได้ 3.7 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 705 ล้านบาท

"ปีนี้ยอมรับว่าเป็นปีที่ยากลำบากตามภาวะเศรษฐกิจ แต่เราเน้นว่าต้องรักษากำไรให้เท่ากับปีก่อนมากกว่าการสร้างรายได้ให้เติบโต เพราะการที่หันมาเน้นดิจิตอล ทำให้บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้น เพราะลงทุนน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับวีซีดี" นายสุเมธ กล่าว

สำหรับแผนธุรกิจในด้านต่าง ๆ ปีนี้ ในด้านธุรกิจเพลงบริษัทคาดว่าจะออกอัลบั้มใหม่จำนวน 180 อัลบั้ม ลดลงจากปีก่อนที่มี 211 อัลบั้ม เนื่องจากต้องการเน้นคัดเลือกศิลปินที่มีคุณภาพและตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย มากกว่าเน้นปริมาณอัลบั้ม

นอกจากนี้ บริษัทจะเน้นเพิ่มรายได้จากธุรกิจโชว์บิซ ซึ่งรวมคอนเสิร์ตและละครเวที จำนวน 20 รายการ เพิ่มจาก 15 รายการในปีก่อน เช่น ละครเวที เนื้อคู่ 11 ฉาก, แม่นาคพระโขนง, คอนเสิร์ตไอซ์

ส่วนภาพยนตร์ ปีนี้จะมี 5 เรื่องเท่ากับปีก่อน คาดว่าจะสร้างรายได้มากกว่าปีก่อนที่ทำได้ 220 ล้านบาท เริ่มจาก"ความจำสั้นแต่รักฉันยาว", "รถไฟฟ้ามาหานะเธอ", "5 แพร่ง", และปลายปีจะมีภาพยนตร์ตลกอีก 1 เรื่อง ด้านธุรกิจละคร ก็ยังมั่นใจว่าจะเติบโตเพราะปีนี้จะมีละครเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งละครซิทคอมที่ยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง

นายสุเมธ กล่าวว่า ธุรกิจวิทยุ จะมีการรีแบรนดิ้ง 2 คลื่น ได้แก่ 89 บานาน่า FM เปลี่ยนเป็น Q. CHILL และ HOT WAVE จะเปลี่ยนเป็น HOT FM ขณะที่ธุรกิจหนังสือ ยังคงรักษาหัวหนังสือ 5 เล่ม คือ IMAGE, MADAME FIGARO, Her World, In และ MAXIM และคาดว่าธุรกิจหนังสือจะเป็นธุรกิจเดียวที่ตัวเลขติดลบ ซึ่งเป็นไปตามสภาวะเศรษฐกิจและเม็ดเงินโฆษณาที่ลดน้อยลง

และ ธุรกิจอีเว้นท์ มีรายได้หลักจากบริษัท อินเด็กซ์กรุ๊ป คาดว่าจะสร้างรายได้ประมาณ 1.56 พันล้านบาท หรือเติบโต 20% จากปีก่อน และจะเน้นทั้งงานภาครัฐและเอกชน

นายสุเมธ กล่าวถึงธุรกิจเคเบิลทีวีว่า ในปีนี้จะเปิดทีวีผ่านดาวเทียมได้ครบ 5 ช่องตามเป้าหมาย โดยในเดือน เม.ย.จะเปิดช่อง Acts ซึ่งจะเป็นช่องที่นำเสนอละครของค่ายเอ็กแซ็กท์ และในช่วงครึ่งหลังของปีจะเปิดอีก 1 ช่อง คือ ช่อง Bird ก็จะครบ 5 ช่อง หลังจากที่เปิดไปแล้ว 3 ช่อง และเชื่อว่าใน 3-5 ปีข้างหน้าธุรกิจเคเบิลทีวีจะกลายเป็นรายได้หลักควบคู่กับธุรกิจดิจิตอล

นายสุเมธ กล่าวถึงการควบรวมกิจการระหว่าง GMMM และ GRAMMY ได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว เชื่อว่าการควบรวมจะทำให้ธุรกิจมีความแข็งแรงเพิ่มมากขึ้นและจะสามารถคงความเป็นหุ้นปันผลสูง เพราะที่ผ่านมามีการจ่ายปันผลถึง 90% ของกำไรสุทธิ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ