นายปริวัต โสภาษิต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการเงิน บมจ.ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน(ROBINS)คาดว่า กำไรจะดีกว่าปีก่อนที่มี 1,020 พันล้านบาท เนื่องจากรายได้ของบริษัทจะเติบโตขึ้นจากการเปิดสาขาใหม่ 2 สาขา และ บริษัทมีเป้าเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นอีก 0.25% เป็น 23.50%
อย่างไรก็ตาม อัตราการเติบโตของกำไรคงไม่เท่ากับปีก่อนที่โต 18% เนื่องจากปีนี้จะมีการตัดค่าเสื่อมราคาของสาขาใหม่เพิ่มเข้ามา โดยเฉพาะปีนี้เป็นปีแรกก็จะตัดค่าเสื่อมราคาราว 33% ของมูลค่าสินทรัพย์
ด้านนายปรีชา เอกคุณานุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ROBINS กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการยอดขายในปีนี้ หลังจากที่ภาวะเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัว จากเดิมบริษัทได้คาดการณ์ยอดขายเติบโตราว 8% ภายใต้สมมติฐานเศรษฐกิจประเทศขยายตัว 3-4%
แต่ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้เศรษฐกิจแย่กว่าที่คาดไว้ ขณะที่ในด้านยอดขายถือว่าเสมอตัวเท่ากับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีแนวโน้มที่ดีขึ้นในเดือน มี.ค.52 แต่ก็ยอมรับว่ายอดขายคงยากที่จะโตเหมือนกับช่วง 5 ปีที่ผ่านมาที่ยอดขายเติบโตปีละมากกว่า 10%
"ปีนี้เป็นปีที่ยากที่สุด ยอดขายแปรผันไปตามภาวะเศรษฐกิจ แต่สิ่งเดียวที่เรามั่นใจคือเราทำได้ดีกว่าตลาด คิดว่าหลังจบไตรมาส 1 ตัวเลขจะชัดเจนมากขึ้น" นายปรีชา กล่าว
บริษัทยังมีแผนกลยุทธในปีนี้ที่จะนำเสนอสินค้าใหม่ และเพิ่มแบรนด์ใหม่ ๆ พร้อมกับทำการตลาดเจาะทุกกลุ่มลูกค้าตามความต้องการ ซึ่งบริษัทได้ใช้ข้อมูลจากฐาน CRM รวมทั้งจะเน้นจัดอีเว้นท์มากขึ้นเพื่อกระตุ้นยอดขายและสร้างบรรยากาศในการใช้จ่าย นอกจากนั้นยังจับมือกับซัพพลายเออร์เพื่อช่วยบริหารสต็อกสินค้า และลดต้นทุนการขนส่ง รวมถึง วางแผนผลิตสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการให้ลูกค้าได้ทันต่อสถานการณ์ และจะสานต่อ Private Brand
บริษัทตั้งงบลงทุน 1,360 ล้านบาทในปีนี้ โดยจะใช้ขยายสาขาใหม่ 2 แห่งที่ จ.ชลบุรี ที่จะเปิดในเดือนพ.ค. ปีนี้ และ จ.ขอนแก่น ลงทุนราว 1,100 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเปิดได้ในเดือนธ.ค.52 เพื่อขยายฐานลูกค้าเพิ่ม และอีก 260 ล้านบาทจะใช้ในการปรับโฉมภาพลักษณ์สาขาเดิม 4 แห่งให้มีความทันสมัยมากขึ้น ได้แก่ หาดใหญ่, จ.ราชบุรี , แฟชั่นไอส์แลนด์ และ รัตนาธิเบศร์
ปัจจุบัน ROBINS มีสาขาทั้งหมด 20 แห่ง อยู่ใน กทม.10 สาขา และ ตจว.10 สาขา
นายปรีชา กล่าวว่า บริษัทมีนโยบายที่จะขยายสาขาปีละ 2-3 สาขา โดยเน้นขยายไปตามศูนย์การค้าใหม่ ๆ ในเครือเซ็นทรัล โดยสาขาในอนาคตที่เชียงรายได้เช่าพื้นที่จากเซ็นทรัล โดยใช้เงินลงทุนราว 500 ล้านบาท ซึ่งชะลอแผนออกไปเปิดในปลายปี 53 หรือต้นปี 54 จากเดิมที่คาดว่าจะเปิดในปีนี้
ทั้งนี้ บริษัทมีความพร้อมในด้านการลงทุน เนื่องจากมีกระแสเงินสดในมือ 5 พันล้านบาท