นายพิชญ์ โพธารามิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 52 ราว 7.5 พันล้านบาท สูงขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 5.3 พันล้านบาท โดยจะมาจากการเติบโตของธุรกิจอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์เป็นหลัก เนื่องจากบริษัทรุกทำการตลาดบริการอินเตอร์เนตบรอดแบนด์ Maxnet
ในส่วนของกำไรสุทธิในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 800-1,000 ล้านบาท หลังจากปีก่อนที่ขาดทุนประมาณ 1,200 ล้านบาท แต่เป็นการขาดทุนเนื่องจากบริษัทต้องตั้งสำรองในบมจ.ทีทีแอนด์ที(TT&T) แต่ปี 52 เชื่อว่าจะไม่มีการตั้งสำรอง และจะทำให้บริษัทมีกำไร
"หากปีนี้มีกำไรก็อาจให้ผลตอบแทนผู้ถือหุ้นในรูปเงินปันผลหรือให้หุ้นปันผล" นายพิชญ์ กล่าว
ในปีนี้บริษัทคาดว่าจะเพิ่มลูกค้า Maxnet เป็น 7 แสนราย จากปัจจุบันมีอยู่ 4 แสนราย บริษัทจะเน้นบริหารงานและขยายฐานลูกค้าในกรุงเทพฯ มากขึ้นจากที่มีอยู่ประมาณ 1 แสนราย หลังจากที่ บมจ.ทริปเทิลทีบรอดแบนด์(TTT)ได้สัมปทานในพื้นที่ กทม.ทำให้บริษัทจะหันมารุกเต็มที่ จากเดิมที่ฐานลูก Maxnet จะเป็นในต่างจังหวัด
อีกทั้งบริษัทจะทำการตลาดด้วยการเสนอบริหารราคาพิเศษ โดยล่าสุดเปิดบริการใหม่ให้ความเร็วสูงสุดถึง 3 Mbในราคา 590 บาท ถือว่าเป็นราคาถูกที่สุดในตลาดตอนนี้ เพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดจากทรู อินเตอร์เนต ที่เป็นเจ้าตลาดอยู่ในปัจจุบัน
นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังจะมีแพคเกจเกี่ยวกับ Content ใหม่ๆ อาทิ เกมส์ เพื่อดึงลูกค้าให้มาใช้บรอดแบนด์ของบริษัท โดยปีนี้ใช้งบการตลาดสูงถึง 100 ล้านบาทจากปีก่อนที่ใช้ประมาณ 70-80 ล้านบาท
"ดูตัวเลขเดือนธ.ค.บริษัทได้ฐานลูกค้าในกรุงเทพ ประมาณกว่า 2 พันราย ขณะที่ทรูฯ ที่เป็นเจ้าตลาดได้ลูกค้า 2.5 พันราย ซึ่งการที่เราให้สปีดสูงขึ้น ในราคาแค่ 590 บาท น่าจะทำให้เราได้ตลาดในกทม.ที่ไม่ใช่พื้นที่หลักของเรามายอย่างมีนัยสำคัญปีนี้ อาจจะได้เห็นถึง 1 แสนราย จากปีก่อนที่มีลูกค้าแค่ 1 หมื่นราย"นายพิชญ์ กล่าว
นายพิชญ์ กล่าวว่า บริษัทจะเร่งขยายการลงทุนสถานีชุมสายเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของบริการบรอดแบนด์ โดยจะใช้เงินลงทุนในปีนี้ประมาณ 1.8 พันล้านบาทเพื่อขยายบริการทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด ภายใต้ JAS และ JASTEL ซึ่งเป็นบริษัทในเครือที่ให้บริการกลุ่มลูกค้าองค์กร โดยใช้เงินจากสถาบันการเงินและจากการดำเนินงาน