(เพิ่มเติม) MINTเพิ่มงบลงทุนปี 52 เป็น 4.3 พันลบ. คาดธุรกิจอาหารดันรายได้โต 8-10%

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 9, 2009 17:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล(MINT)เผยแผนลงทุน 5 ปี(ปี 52-56)วงเงิน 1.14 หมื่นล้านบาท โดยในปีนี้จะใช้งบลงทุน 4.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากแผนเดิมที่คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 3.8 พันล้านบาท ซึ่งงบลงทุนส่วนใหญ่จะใช้ในธุรกิจโรงแรม 2.6 พันล้านบาท ธุรกิจที่อยู่อาศัย 800 ล้านบาท และธุรกิจอาหาร 900 ล้านบาท

นางปรารถนา มงคลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน MINT เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การท่องเที่ยวที่ยังไม่ดี บริษัทจึงชะลอการก่อสร้างโรงแรมอนันตรา เขาหลัก จ.พังงา และ โรงแรม อนันตรา กรุงเทพ ที่ใช้วงเงินลงทุนประมาณ 2 พันล้านบาท และ 4 พันล้านบาท ตามลำดับ ทำให้งบลงทุนใน 5 ปี ปรับลดลงเหลือ 1.14 หมื่นล้านบาท จากเดิมตั้งไว้ 1.74 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ตาม บริษัทจะกลับมาทบทวนแผนงานดังกล่าวอีกครั้งในปลายไตรมาส 2 ปีนี้

สำหรับผลประกอบการของ MINT ในปีนี้ คาดว่ารายได้ปี 52 จะเพิ่มขึ้น 8-10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1.65 หมื่นล้านบาท โดยเป็นการเติบโตจากธุรกิจอาหาร ที่คาดว่าจะโต 10-15%

ส่วนธุรกิจโรงแรมคาดว่ารายได้ใกล้เคียงปีก่อน โดยอัตราการเข้าพัก(Occupancy Rate)คาดว่าอยู่ที่ 60-65% ต่ำกว่าปีก่อนมีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 66% จากปกติจะมีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 70% แต่รายได้ค่าที่พักจะเพิ่มขึ้นประมาณ 5% จากปีก่อนที่เฉลี่ยรายได้ต่อวันที่ 5,562 บาท โดยปีนี้จะมีรายได้เพิ่มจากโรงแรมใหม่ ที่มัลดีฟ ภูเก็ต ทั้งนี้ คาดว่าธุรกิจโรงแรมจะฟื้นตัวในไตรมาส 4 ปีนี้

รวมทั้ง คาดว่าจะมี EBITDA Margin ประมาณ 20-25% เทียบกับปีก่อนที่มีอัตรา 26% ส่วนกำไรคาดจะไม่ต่ำกว่าปีก่อนที่มี 1.9 พันล้านบาท โดยจะมีการลดค่าใช้จ่ายการบริหาร ได้แก่ การไม่ปรับขึ้นเงินเดือนพนักงานในสำนักงานใหญ่ ไม่จ้างคนเพิ่ม เป็นต้น รวมทั้ง ลดต้นทุนการเงินลงประมาณ 0.50-0.75%

"กำไรสุทธิตั้งเป้าไว้ไม่อยากให้ต่ำกว่าปีที่แล้ว แต่ก็ยากอยู่ ถ้าปีนี้ได้เท่ากับปีที่แล้วก็เก่งแล้ว" นางปรารถนา กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนออกหุ้นกู้ ประมาณ 1.5 พันล้านบาท เพื่อนำไปรีไฟแนนซ์หนี้ของ บมจ.ไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่น(MINOR) ซึ่งรอดูจังหวะตลาดก่อน เพราะขณะนี้ดอกเบี้ยหุ้นกู้สูงอยู่ คาดว่าอย่างเร็วจะออกราวในไตรมาส 2/52 อย่างไรก็ดี บริษัทได้เจรจาวงเงินกู้และหุ้นกู้ จำนวน 4 พันล้านบาทกับธนาคาร โดยอีก 2.5 พันล้านบาทที่เหลือจะชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดภายในสิ้นปี 53

*รุกตลาดอินเดีย เปิดเฟรนไชส์ พิซซ่า-สเวนเซ่นส์

นางปรารถนา กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทจะเปิดเฟรนไชส์ในอินเดีย 2 แห่งก่อน เป็นเฟรนไชส์ เดอะ พิซซ่า และ สเวนเซ่นส์ เพราะมองเห็นศักยภาพ แต่ยังไม่มีแผนเข้าลงทุนเอง นอกจากนี้มีแผนที่จะขยายเฟรนไชส์ไปยังประเทศแถบตะวันออกกลาง

ส่วนในจีน ที่บริษัทได้เข้าไปลงทุนและหลังจากเปิดเฟรนไชส์ ยอมรับว่ายังมีผลขาดทุนอยู่ แต่ปีนี้คาดว่าจะมีผลขาดทุน 150 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีผลขาดทุน 200 ล้านบาท โดยปีนี้จะปิดสาขาอาหาร 4 แห่ง จะเหลือจำนวนสาขา 16-17 แห่ง หลังจากที่ปิดร้าน เลอ แจ๊ส ที่จีนในปีก่อน

ทั้งนี้ ตามแผนปี 52 บริษัทจะขยายร้านอาหารจำนวน 104 สาขา แบ่งเป็นร้านที่เป็นสาขาของตัวเอง จำนวน 40 แห่ง โดยเน้นไปที่ Thai Express ซึ่งเป็นร้านอาหารไทยในสิงคโปร์ 14 แห่ง แดรีควีน 13 แห่ง , สเวเซ่นส์ , เดอะพิซซ่า, เดอะ คอฟฟี่คลับ ขณะที่ขยาย เฟรนไชส์ จำนวน 64 แห่ง เน้นที่เดอะพิซซ่า และ เดอะคอฟฟี่คลับ

ในปี 51 บริษัทมีจำนวนสาขาร้านอาหารเพิ่มขึ้น 138 สาขา เป็น 1,043 แห่ง ภายใต้แบรนด์เนม เดอะพิซซ่า,สเวนเซ่นส์ , ซิสเลอร์, แดรี่ควีน, เบอร์เกอร์คิง, ไทยเอ็กเพรส และ เดอะ คอฟฟี่คลับ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ