บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเม้นท์(NOBLE) คาดปี 52 กำไรพุ่งสูงกว่า 400 ล้านบาท จากยอดรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นเป็น 2.7 พันล้านบาท จากปี 51 มีกำไร 350 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ 2.4 พันล้านบาท โดยในปีนี้บริษัทสามารถบริหารต้นทุนได้ดีขึ้น ทั้งต้นทุนค่าก่อสร้างที่ลดลงและได้ที่ดินมาในราคาไม่แพง ขณะที่บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาที่จะเปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้น 1-2 โครงการจากแผนงานเดิมที่วางไว้ 3 โครงการในปีนี้ หลังจากยอดขายโครงการใหม่ในช่วงไตรมาส 1/52 ออกมาดีกว่าไตรมาส 1/51
"ในปีนี้ยอดรับรู้รายได้ 2.7 พันล้านบาทจะมาจากบ้านเดี่ยว 1 พันล้านบาท และที่เหลือ 1.7 พันล้านบาทจะมาจากคอนโดฯ ซึ่งเป็นการโอนจาก Backlog ปี 51 มารับรู้ในปีนี้ที่ปัจจุบันมี Backlog รวม 4 พันล้านบาท และจะทยอยรับรู้ฯ 3 ปี ตั้งแต่ปี 52-54"นายธงชัย บุศราพันธ์ กรรมการผู้จัดการ NOBLE กล่าว
ขณะเดียวกัน เชื่อว่าในปีนี้ บริษัทยังสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นที่ 40% ซึ่งเป็นระดับใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ จากการประเมินของบริษัทเชื่อว่าตลาดยังมีความต้องการบ้านภายใต้เศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลให้บริษัทพิจารณาการเปิดโครงการใหม่จำนวน 1-2 โครงการ ซึ่งมีทั้งแนวราบแนวสูง นอกเหนือจากโครงการที่มีแผนจะเปิดในปีนี้ 3 โครงการ รวมมูลค่า 5 พันล้านบาท โดยเปิดตัวไปแล้ว 2 โครงการ 1 ใน 2 คือ โครงการโนเบิล คิวบ์ ทาวเฮ้าส์ มูลค่า 2.3 พันล้านบาท ขณะนี้มียอดขายแล้ว 700 ล้านบาท จะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 2/52 ส่วนอีกโครงการจะเป็นคอนโดฯ 20-30 ชั้น
ส่วนโครงการที่จะเปิดใหม่เพิ่มเติมนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาซื้อที่ดิน คาดว่าจะได้ข้อสรุปในไตรมาส 3/52 คาดว่าในปีนี้จะใช้เม็ดเงินลงทุนซื้อที่ดินทั้งหมด 1-1.5 พันล้านบาท ใกล้เคียงปี 51 แต่ในจำนวนนี้ใช้ไปแล้ว 500-600 ล้านบาท
"ปีนี้ถือเป็นปีที่โชคดีของโนเบิลที่ไม่ได้ทำอะไรในปีก่อน ทำให้ไม่ต้องแบกรับต้นทุนที่สูงเมื่อเทียบกับรายอื่น แต่ตรงนี้ก็คงจะขึ้นอยู่กับปัจจัยเศรษฐกิจว่าจะทำให้ความเชื่อมั่นกลับมาได้แค่ไหน แต่ส่วนของลูกค้าบริษัทเป็นระดับกลาง-บน จึงไม่น่าเป็นห่วง และการที่เราทำบ้านสร้างก่อนขายและทำคอนโดฯโดยการวางเงินดาวน์ 30% ทำให้ไม่มียอดการปฏิเสธการขอสินเชื่อ"นายธงชัย กล่าว
นายธงชัย กล่าวต่อว่า บริษัทคงไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน เนื่องจากปัจจุบันเรายังมีกระแสเงินสดที่เพียงพอ และยังมี D/E 1 เท่า ถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับธุรกิจอสังหาฯ โดยรวมที่มี D/E เฉลี่ย 1.3 เท่า จึงทำให้เราสามารถกู้ได้หากมีโครงการที่ต้องเร่งพัฒนา